ค้นหาข่าว

บอกเล่าเรื่องราวฉือจี้ ชักชวนชาวน่านร่วมทำความดี

20190715-017-bypeerapat resize

จังหวัดน่านตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 650 กม. เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา เนื่องจากการช่วยเหลือมอบเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยของฉือจี้

เมื่อปี พ.ศ.2561 ต่อเนื่องถึงการมอบสิ่งของช่วยภัยหนาวในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน และการช่วยซ่อมแซมปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 2 เทศบาลตำบลกองควาย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน จนถึงการชักชวนผู้มีจิตอาสา มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยจิตอาสาฉือจี้ตกลงนัดหมายกับชาวบ้านสองเดือนหนึ่งครั้ง โดยกิจกรรมครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อรวมพลังผู้มีจิตอาสา ร่วมดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากในพื้นที่ต่อไป

 

 

จังหวัดน่านตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 650 กม. เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา เนื่องจากการช่วยเหลือมอบเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยของฉือจี้ เมื่อปี พ.ศ.2561 ต่อเนื่องถึงการมอบสิ่งของช่วยภัยหนาวในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน และการช่วยซ่อมแซมปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 2 เทศบาลตำบลกองควาย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน จนถึงการชักชวนผู้มีจิตอาสา มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยจิตอาสาฉือจี้ตกลงนัดหมายกับชาวบ้านสองเดือนหนึ่งครั้ง โดยกิจกรรมครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อรวมพลังผู้มีจิตอาสา ร่วมดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากในพื้นที่ต่อไป

1

จากหนึ่งเพิ่มเป็นอเนกอนันต์ กระจายความรักให้กว้างไกล

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2562 หลังจากพักผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหนึ่งคืน จิตอาสาฉือจี้ต่างเดินทางไปถึงสถานที่จัดกิจกรรมด้วยความกระปรี้กระเปร่า พบว่าชาวบ้านต่างทยอยเดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้ตรงกับวันหยุดยาว ส่งผลให้มีผู้มาร่วมกิจกรรมเพียง 22 คน ทว่าทุกคนล้วนกล่าวทักทายปราศรัยกันด้วยรอยยิ้มที่น่ารักจริงใจ ขณะที่ชาวบ้านทยอยเดินทางมาถึง จิตอาสาฉือจี้จึงแบ่งกลุ่มกันเข้าไปสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน พร้อมทั้งทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะรับกระปุกออมบุญที่ชาวบ้านนำติดตัวมาด้วย ระหว่างที่พูดคุยกัน หนึ่งในชาวบ้านก็กล่าวขึ้นมาว่า “หลังจากวันที่ 16 เดือนนี้ ก็ต้องรออีกสองเดือนกว่าจะได้พบพวกคุณอีก” ความหมายของคำพูดนี้ ไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจดีถึงความสำคัญทางจิตใจในการมาถึงของจิตอาสาฉือจี้ ชาวบ้านบางคนนำต้นกล้ามะนาวที่ตัวเองมีมามอบให้ชาวฉือจี้นำกลับไปปลูกที่บ้าน บางคนเมื่อเห็นหน้าประธานบริหารฉือจี้ประเทศไทย คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ ก็รีบเข้ามาโอบกอดด้วยความคิดถึง บางคนก็สอนจิตอาสาฉือจี้ทำท่ากายบริหาร เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี

 

20190715-011-bytar resize

ชาวบ้านอ่านวาทะจิ้งซือเล่มเล็กที่จิตอาสาฉือจี้มอบให้ด้วยความสนใจ

 

จิตอาสาฉือจี้ คุณสุชน แซ่เฮง บอกเล่าประวัติความเป็นมาของมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันว่า เมื่อ 53 ปีก่อน ไต้หวันยังเป็นพื้นที่ทุรกันดาร ผู้คนส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่อัตคัด ทว่าท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนยังคงนำแม่บ้านผู้มีจิตเมตตา 30 คน ร่วมเก็บออมเงินค่ากับข้าว วันละประมาณ 50 สตางค์ ลงในกระปุกไม้ไผ่ออมบุญ จนกระทั่งทุกวันนี้ ฉือจี้ได้ส่งต่อช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม กระจายไปแล้วถึง 99 ประเทศทั่วโลก คุณสุชนเปรียบเปรยว่า วันนี้มีผู้มีจิตศรัทธาชาวน่าน 22 คนมาร่วมแรงร่วมใจกัน ก็เหมือนกับไต้หวันในวันนั้น ขอให้ทุกคนอย่ามองข้ามความสำคัญของตัวเอง เพราะพลังเล็กๆ ของทุกคน เมื่อมารวมกันก็เปรียบเสมือนเม็ดทรายที่ก่อร่างสร้างเป็นเจดีย์ใหญ่ และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ “กุศลจิต” และ “ความรัก” รวมถึง “การเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน” มิใช่จำนวนเงินแต่อย่างใด

 

 20190714-013-bykuokueichen resize

จิตอาสาฉือจี้ คุณยุพเรศ ประชานุกูล พูดคุยทักทายกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง พร้อมทักรับกระปุกออมบุญที่ชาวบ้านนำมาร่วมทำบุญ

 

 02

จิตอาสาฉือจี้ เปิดวีดิทัศน์แนะนำแนวคิดกระปุกไม้ไผ่ออมบุญ “ออมเงินน้อย สร้างบุญใหญ่”

 

คุณสุชนยังกล่าวให้กำลังใจอีกว่า พื้นเพนิสัยคนไทยเราล้วนเป็นคนใจบุญมีน้ำใจ หากทั้ง 22 คนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ กลับไปบอกต่อชักชวนผู้มีจิตเมตตาอื่นๆ ต่ออีก 8 คน ก็ทำให้มีถึง 30 คนแล้ว เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการดูแลช่วยเหลือหมู่บ้านของตนเอง และหวังว่าในอนาคตภายภาคหน้า จะขยายไปทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย คุณสุชนยังได้ถามว่า ทุกคนยินดีมารวมพลังกับฉือจี้ไหม ทุกคนต่างตอบรับด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะเปลี่ยนมาสวม “เสื้อกั๊กจิตอาสาฉือจี้” แสดงถึงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ร่วมกัน

ชาวบ้านบางคนเล่าสู่กันฟังว่า คนไทยส่วนใหญ่นิยมทำบุญแล้วอธิษฐานขอให้ตนเองถูกลอตเตอรี แต่ครั้งนี้เพราะเห็นถึงความทุ่มเทตั้งใจของจิตอาสาฉือจี้ที่เดินทางมาไกลด้วยความยากลำบาก ทำให้ยิ่งเข้าใจในคำสอน “เรื่องการเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน” ของท่านธรรมาจารย์ แม้ฐานะความเป็นอยู่ของตนเองจะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ยินดีร่วมเก็บหอมรอมริบ หมั่นหยอดกระปุกออมบุญ เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นให้มากยิ่งขึ้น

2

รับจากที่ไหน ตอบแทนให้ที่นั่น

คุณสุชน ยังได้เชิญจิตอาสาฉือจี้อีกท่าน คุณอู๋สูเจินออกมาแบ่งปัน เนื่องจากเป็นจิตอาสาที่เดินทางมาไกลที่สุด เพราะมาจากภาคใต้หรือจังหวัดกระบี่ “จริงๆ แล้ว ก่อนการเดินทาง ฉันรู้สึกสองจิตสองใจ เพราะว่าเป็นห่วงที่จะต้องจากโรงงานมานานหลายวัน อีกทั้งตัวเองก็ถือเป็นคนใหม่ ยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอะไรของฉือจี้มากนัก ก่อนเดินทางยังไม่ทราบเลยว่า จังหวัดน่านอยู่ที่ไหน มาแล้วต้องทำอะไรบ้าง แต่ท่านประธานฯ คุณสุกัญญาก็อยากให้ฉันมา ฉันสองจิตสองใจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็มาคิดได้ว่า ฉันเป็นชาวไต้หวันที่อายุน้อยที่สุดที่มาพร้อมกับคณะในครั้งนี้ จิตอาสาฉือจี้หลายท่านที่มาด้วยล้วนอายุมากกว่าฉันทั้งสิ้น แต่ทุกคนก็ยังมาโดยไม่หวาดหวั่นต่อความเหน็ดเหนื่อย แล้วฉันจะกลัวอะไร” จิตอาสาฉือจี้ คุณอู๋สูเจินแบ่งปัน

 

20190715-015-bykuokueichen resize

จิตอาสาฉือจี้ คุณอู๋สูเจิน (คนแรกจากขวา) นำคำสอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนมาปฏิบัติ "รับจากที่ไหน ตอบแทนให้ที่นั่น" ร่วมทำความดีทดแทนบุญคุณผืนแผ่นดินไทย   

 

คุณอู๋สูเจินยังเล่าต่ออีกว่า “อีกทั้งในฐานะลูกสาวของนักธุรกิจชาวไต้หวันที่อยู่ในเมืองไทย ทำให้ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและไต้หวันตลอด ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยต้องเดือดเนื้อร้อนใจเรื่องความเป็นอยู่ ทั้งหมดนี้ก็เพราะบุญคุณของผืนแผ่นดินไทยที่ครอบครัวของเราได้รับ ซึ่งท่านธรรมาจารย์ก็สอนเราเสมอว่า เมื่ออยู่ใต้ผืนฟ้าหรือยืนอยู่บนผืนแผ่นดินใด ได้รับจากที่ไหน ก็ต้องตอบแทนกลับให้ที่นั่น ขอบคุณที่มอบโอกาสให้ฉันได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมที่จังหวัดน่านในครั้งนี้ และขอบคุณจิตอาสาฉือจี้ชาวไทยที่วางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับชาวบ้าน ติดต่อสถานที่ กำหนดวันเวลา การจัดเตรียมเนื้อหาและการพูดคุยกับชาวบ้าน การเดินทางครั้งนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้เยอะมาก ฉันมักจะคิดว่า ท่านธรรมาจารย์เป็นอาจารย์ที่ทุกคนต่างก็เคารพนับถือ เมื่อก่อนฉันเองก็มักจะได้มีโอกาสเรียนรู้จากเรื่องราวของท่านธรรมาจารย์อยู่บ่อยๆ แต่จิตอาสาฉือจี้อาวุโสเหล่านี้ล้วนได้เรียนรู้จากท่านธรรมาจารย์โดยตรง แม้หลายท่านจะไม่ได้สูงอายุขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่วัยหนุ่มวัยสาวกันแล้ว เมื่อได้เห็นความทุ่มเทของทุกท่านด้วยตาของตัวเอง แม้บางครั้งตัวฉันร่างกายจะรู้สึกอ่อนล้า แต่ก็ไม่กล้าปริปาก เพราะถือว่าสิ่งที่ตนเองทำยังเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับทุกท่าน ดังนั้น สิ่งที่จะกล่าวกับจิตอาสาฉือจี้ทุกท่านในวันนี้ก็คือ ฉันนับถือในความทุ่มเทของทุกท่านจริงๆ ค่ะ”

3

ชักชวนร่วมทำดี ก้าวต่อไปวันข้างหน้า

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2562 หลังจากการทำความรู้จักกันเบื้องต้นและแนะนำกระปุกออมบุญแล้ว จิตอาสาฉือจี้จึงได้แนะนำถึงการทำงานสังคมสงเคราะห์ โดยการเปิดวีดิทัศน์เรื่องราวการดูแลผู้ยากไร้อันแสนซาบซึ้งใจ เพื่ออธิบายรายละเอียดของการเยี่ยมเยียนดูแลผู้ยากไร้ พร้อมทั้งกำชับถึงพฤติกรรมที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการไปสาย การรับของขวัญ การสูบบุหรี่หรือดื่มสุรา เป็นต้น ด้วยเมตตาจิตของพี่น้องชาวน่าน เมื่อได้รับชมเรื่องราวความอบอุ่นในการดูแลผู้ยากไร้ของฉือจี้ ต่างก็หลั่งน้ำตากันด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง หลังจากจิตอาสาฉือจี้บรรยายข้อปฏิบัติในการเยี่ยมผู้ยากไร้อย่างเป็นกันเอง

จากนั้นจึงชักชวนทุกคนร่วมแสดงภาษามือประกอบเพลง ซึ่งชาวบ้านต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แล้วจึงถึงช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันความรู้สึก ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เป็นการสัมผัสความรู้สึกของการ “มอบความรัก” โดยการให้ทุกคนโอบกอดซึ่งกันละกัน คุณน้าวัย 70 กว่าปีและหลานสาววัย 62 ปี บอกเล่าความรู้สึกระหว่างกันว่า “เกือบ 50 ปีแล้วที่ไม่ได้กอดกัน” คุณลุงอีกสองท่านก็บอกเล่าว่า “ส่วนใหญ่เรามีแต่ทะเลาะชกต่อยกัน ไม่เคยได้มีโอกาสกอดกันเลย”

 

 
20190715-041-bytar resize

จิตอาสาฉือจี้นำชาวบ้านร่วมสัมผัสความรู้สึกของการ “โอบกอด” มอบความรัก

 

หลังจากฟังการบรรยายและฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมเพื่อเยี่ยมเยียนดูแลผู้ยากไร้แล้ว จิตอาสาฉือจี้จึงแบ่งชาวบ้านออกเป็นกลุ่ม เพื่อลงมือปฏิบัติจริง เดิมทีฉือจี้มีสมาชิกครอบครัวที่ให้การดูและระยะยาวในพื้นที่จังหวัดน่าน จำนวน 7 ครอบครัว แต่วันนี้ได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 2 ครอบครัว จึงรวมเป็นทั้งหมด 9 ครอบครัว แม้ชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมกับฉือจี้ในครั้งนี้จะมีคนวัยหนุ่มสาวอยู่บ้าง ทว่าชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุเองก็มีไม่น้อย คุณสุชนจึงให้กำลังใจทุกคนว่า ให้นำอายุของตัวเองฝากไว้ที่ธนาคารอายุยืนสัก 50 ปี ทำให้ตอนนี้ทุกคนกลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาว วัยแค่ 10-30 ปีเท่านั้น เท่ากับยังมีกำลังความสามารถไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ หวังว่าจะมีจิตอาสาฉือจี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดน่านในเร็ววัน เพื่อขยายพลังแห่งการช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากให้กว้างไกลยิ่งขึ้นต่อไป

20190715-063-bytar resize

จิตอาสาระดมกำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้านพักอาศัยให้กับครอบครัวผู้ยากไร้

 

มีชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า เมื่อก่อนตนเองไปทำบุญที่วัดก็ชอบอธิษฐานขอให้ชีวิตตัวเองดียิ่งๆ ขึ้น แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น วันนี้การได้ไปช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากถึงบ้านของพวกเขากับจิตอาสาฉือจี้ เข้า มอบความรักและการดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ทีดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำมาเป็นเวลานานมากแล้ว

คุณเกวลี โนราช หนึ่งในชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้กล่าวว่า “เมื่อฉือจี้เข้ามา ทำให้เรารู้สึกว่า มีคนเข้ามาดูแลหมู่บ้านเรา และทำให้หมู่บ้านของเรามีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้นค่ะ” “หมู่บ้านของเราเปลี่ยนไปมาก ชาวบ้านเองก็มีน้ำจิตน้ำใจต่อกันมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องห่วงกังวลอะไรแล้ว” คุณรจนา ทับอินทร์ บอกเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้าน หลังจากชาวฉือจี้เข้ามากระตุ้นและทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง คุณปรีชา สิงห์คำ ยังกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ฉือจี้เข้ามาปรับปรุงความรู้สึกของคนบ้านเรา ให้รักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเหมือนครอบครัวเดียวกันจริงๆ ครับ”

 

 03

จิตอาสาฉือจี้นำชาวบ้านร่วมกันดูแลผู้ยากไร้ด้วยความเอาใจใส่ดุจญาติผู้ใหญ่ของตนเอง

 

หลังจากการลงมือปฏิบัติ ชาวบ้านต่างบอกเล่าความรู้สึกของตนเองอย่างกระตือรือร้นว่า การได้ไปลงมือช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ตนเองมีความสุขอย่างที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ บางคนก็บอกว่า วันนี้ดีใจที่ได้ร่วมกับพี่น้องในหมู่บ้านเดียวกันไปดูแลคนที่ตกทุกข์ได้ยาก บ้างก็บอกว่า การได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้ยากไร้ บ้านเรือนสะอาดสะอ้านขึ้นหลังจากความทุ่มเทของทุกคน ตนเองก็มีความสุขตามไปด้วย จนกระทั่งบางคนก็เอ่ยปากออกมาเองว่า หลังจากนี้จะนัดหมายกันเองเพื่อไปเยี่ยมเยียนดูแลผู้ยากไร้เหล่านี้ ทุกคนต่างบอกเล่าความรู้สึกอันหลากหลายของตนเอง ซึ่งล้วนไม่แตกต่างกันมาก นั่นคือมีความสุขที่ได้ลงมือช่วยเหลือผู้อื่น

 01

ช่วงท้ายของกิจกรรม ทุกคนร่วมตั้งจิตอธิษฐานด้วยจิตศรัทธา

 

กิจกรรมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจของชาวบ้านในพื้นที่เทศบาลตำบลกองควาย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ที่ขาดก็เพียงผู้ที่จะมาเป็นแกนนำ แบ่งปันและถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากในสังคมอย่างเป็นระบบ ด้วยจิตวิญญาณ “เสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน” จิตอาสาฉือจี้ได้รับการนัดหมายจากชาวบ้านว่าจะมาพบหน้าพร้อมกันอีกครั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เพื่อถักทอความฝัน สร้างสรรค์สังคมที่ผู้คนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันด้วยจิตวิญญาณฉือจี้ หรือ “การช่วยเหลือด้วยความเมตตา” ไปทั่วทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทยต่อไป.

 


เรื่อง อู๋สูเจิน แปลไทย บุษรา สมบัติ ภาพกมลรัตน์ แซ่กัว  พีระพัฒน์ เครือใจ   รัตนโชติ ประมวลทรัพย์