ติดตามดูแลหลังภัยพิบัติพายุปาบึก ความรักของฉือจี้ยังคงอยู่ในนครศรีธรรมราช

20190118-004-bytar resize

4 มกราคม 2562 พายุปาบึกได้พัดถล่มจังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ก่อให้เกิดภัยพิบัติสร้างความเสียหายอย่างหนัก ผู้ประสบภัยที่บ้านพังเสียหายทั้งหลังประมาณ 300 ครัวเรือน ไม่มีที่อยู่อาศัย

9 มกราคม จิตอาสาฉือจี้เดินทางไปยังพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นครั้งแรก ต่อมา 17-18 มกราคม จิตอาสาฉือจี้ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้ง เพื่อเยี่ยมเยียน ทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัย เพื่อเตรียมมอบเงินช่วยแหลือให้แก่ผู้ประสบภัยที่บ้านพังเสียหายทั้งหลัง

ครอบครัวปลอดภัย ใจเปี่ยมสำนึกคุณ

ผู้ประสบภัยเล่าว่า ตอนที่พายุพัดถล่ม เป็นช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เวลานั้นเธอตัดสินใจไปศูนย์อพยพเพื่อหลบภัยชั่วคราว เมื่อเธอเปิดประตูบ้าน ก็เห็นต้นไม้กำลังโค่นลงมาทับบ้าน โชคดีที่คนในครอบครัวดึงเธอหลบและรีบพาออกไปจากบ้าน ทำให้ทุกคนในครอบครัวปลอดภัยและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เวลานั้นผู้ประสบภัยต่างพูดคุยถึงความน่ากลัวของพายุปาบึก จิตอาสาฉือจี้ คุณจิ้นหรงกาง ปลอบโยนจิตใตผู้ประสบภัยว่า “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ทุกคนในครอบครัวปลอดภัย ถึงแม้ว่าบ้านจะพังเสียหาย แต่ก็ยังซ่อมแซมได้”

ผู้ประสบภัยเห็นด้วยและกล่าวว่า “ใช่แล้ว สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจได้คือ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ที่เราและทุกคนในบ้านปลอดภัย ถึงแม้ว่าบ้านจะพัง แต่ก็ไม่เสียดายเท่าไหร่นัก เพราะเรากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนในครอบครัวมากกว่า”

มีบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเดิมทีเป็นบ้าน 2 ชั้น หลังจากที่พายุได้พัดถล่ม หากไม่มีใครบอก อาจเข้าใจผิดว่าเป็นบ้านชั้นเดียว เพราะว่าชั้นที่สองของบ้านเป็นไม้ถูกพายุพัดปลิวไป ผู้ประสบภัยจำเป็นต้องขนย้ายสิ่งของทั้งหมดออกไปไว้ที่เต็นท์ข้างๆชั่วคราว เพื่อรอการสร้างบ้านใหม่

คุณเกรียงศักดิ์ รักษ์ศรีทอง นายอำเภอปากพนัง แบ่งปันว่า รัฐบาลจะดำเนินการสร้างบ้านใหม่ให้กับผู้ประสบภัย โดยอิงตามแบบแปลนบ้านจากกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างบ้านผู้ประสบภัยใหม่อีกครั้ง ภายใต้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากกองทัพบก คาดว่าจะซ่อมแซมบ้านที่พังเสียหายของผู้ประสบให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์

คุณเกรียงศักดิ์ แบ่งปันว่า “เราต้องเร่งสร้างให้เสร็จภายใน 30 วัน ถึงเป้าหมายของอำเภอปากพนังนั้น เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 57 หลังนั้น เพื่อจะให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 14 กุมภา”

มอบคำอวยพร ปลอบโยนจิตใจ ช่วยบรรเทาทุกข์และความกังวล

แม้จะอยู่ในช่วงการสร้างบ้านและซ่อมแซม แต่จิตใจของผู้ประสบภัยจำนวนมากยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในระหว่างจิตอาสาฉือจี้เยี่ยมบ้าน เพื่อทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัย จึงได้มอบการ์ดอวยพรกุศลปัญญาจากท่านธรรมาจารย์ เพื่อแสดงถึงคำอวยพรและความห่วงใยต่อผู้ประสบภัย

คุณอำมณี หนึ่งในผู้ประสบภัยกล่าวอย่างสุดซึ้งว่า “คนไต้หวันมีน้ำใจ ดีมากๆ ขอบคุณมากๆ แล้วก็ขอบคุณที่เมตตาต่อประเทศไทย”

คุณสมใจ อายุ 67 ปี ผู้ประสบภัยที่บ้านพังเสียหายทั้งหลัง อยู่ในระหว่างการย้ายไปอยู่อาศัยบ้านหลังใหม่ จิตอาสาฉือจี้เยี่ยมเยียนดูแล และอธิบายวัตถุประสงค์ของการเยี่ยมเยียน จิตอาสาฉือจี้ คุณนฤมล คุณธร ให้กำลังใจผู้ประสบภัยว่า “ครั้งนี้เราก็จะช่วยเป็นฉุกเฉินไปก่อนนะคะ ไม่ได้มอบสิ่งของ แต่เป็นเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน ไว้เอามาใช้จ่าย ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงนะคะ และมีกำลังใจ”

คุณยายสงบ วัย 91 ปี หนึ่งในผู้ประสบภัย ซึ่งตอนแรกไม่ยินยอมย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว แต่หลังจากญาติและเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยพูดเกลี้ยกล่อม ทำให้ในที่สุดคุณยายอนุญาตให้สร้างบ้านใหม่บนพื้นที่ว่าง ในระหว่างเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัย จิตอาสาฉือจี้ คุณเหอเหม่ยฮุ่ย ได้มอบการ์ดอวยพรกุศลปัญญาให้กับคุณยาย อวยพรให้คุณยายผ่านพ้นความทุกข์เศร้าจากวาตภัย และอธิษฐานให้โลกนี้ไม่มีภัยพิบัติ และโอกาสนี้ คุณยายได้อวยพรจิตอาสาฉือจี้ว่า “ขอให้ทุกคนมีความสุข อย่าเจ็บ อย่าไข้ ให้สุขกายสุขใจ สมปรารถนาทุกประการนะ”

ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อน ทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลช่วยเหลือ

คุณสมพงษ์ มากมณี ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช แบ่งปันว่า งานสร้างบ้านใหม่และซ่อมแซมบ้านให้ผู้ประสบภัยเป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐในท้องถิ่นให้ความสำคัญที่สุดในปัจจุบัน คุณสมพงษ์ แบ่งปันว่า “บ้านของผู้ประสบภัยบางส่วน ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมแล้วเสร็จประมาณ 90%แล้ว เรื่องนี้เป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุดของรัฐบาล ขั้นตอนต่อไปคือการหาวิธีเพื่อแจกจ่ายเครื่องนอน เครื่องครัวและของใช้ในชีวิตประจำวันอื่นๆให้แก่ผู้ประสบภัยครับ”

คุณสมพงษ์ ยังเป็นตัวแทนของผู้ประสบภัย กล่าวขอบคุณว่า “ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง เราจะนำเจตนาของท่าน ไปช่วยเหลือดูแล พี่น้องผู้ประสบภัย ให้ฟื้นฟู ให้กลับคืนสู่สภาพให้เร็วที่สุด เพื่อจะให้อยู่ได้อย่างมั่นคงต่อไป”

ศาสตราจารย์อู๋สูเจิน นักธุรกิจชาวไต้หวัน เดิมทีเคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฉือจี้ หลังจากนั้นได้ย้ายไปสอนที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยฉือจี้ ปัจจุบันรับช่วงต่อกิจการโรงงานน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่จากคุณพ่อ ครั้งนี้ได้นำเลขาฯที่สามารถสื่อสารภาษาจีนและภาษาไทย 1 คนมาร่วมกิจกรรมเยี่ยมเยียนและทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัยด้วย คุณอู๋สูเจิน เล่าว่า พ่อของเธอก่อตั้งโรงงานงานที่กระบี่มา 20 ปีแล้ว ซึ่งท่านคิดเสมอว่า “เราอยู่อาศัยหรือใช้ทรัพยากรจากผืนแผ่นดินใด เราก็ควรจะตอบแทนสังคมของผืนแผ่นดินนั้น” เมื่อทราบว่ามีภัยพิบัติที่นครศรีธรรมราช ซึ่งพื้นที่ภัยพิบัติอยู่ใกล้กระบี่ เธอจึงต้องการร่วมช่วยเหลือ

คุณอู๋สูเจิน เล่าอีกว่า จากการเข้าร่วมงานอธิฐานบุญ อวยพรปีใหม่ส่งท้ายปีเก่าของฉือจี้ในเมืองไทย จึงทราบว่า ฉือจี้จะเดินทางไปสำรวจภัยในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย จึงคว้าโอกาสนี้ ร่วมกิจกรรมกับฉือจี้ด้วย ในขณะเดียวกันยังชวนเลขาส่วนตัวมาร่วมประสบการณ์เห็นทุกข์เข้าใจสุขด้วยกัน คุณอู๋สูเจินแบ่งปันว่า “เพราะโครงสร้างบ้านที่ไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้บ้านของพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่พวกเขาอาศัยอยู่ ยังอยู่ใกล้กับทะเลและแม่น้ำ ทำให้ง่ายต่อการพังเสียหาย”

ในขณะที่ร่วมกิจกรรม ยิ่งทำให้จิตอาสาฉือจี้เข้าใจในสิ่งที่ท่านธรรมจารย์เคยกล่าวไว้ว่า “เมื่อเห็นความทุกข์ เข้าใจความสุขแล้ว ต้องรู้จักถนอมบุญ และหมั่นสร้างบุญต่อไป และเมื่อผู้มี “ทุกข์” ก้าวออกมาไม่ได้ ผู้มี “บุญ” ต้องก้าวเข้าไปหา”