“ผมโชคดีที่ได้เป็นจิตอาสาฉือจี้” คุณพีระพัฒน์ เครือใจ วัย 68 ปี หรือเป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า “ลุงแว่น” กล่าวอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับย้อนเล่าเรื่องราวความประทับใจในวันวาน
1
จุดเริ่มต้นของบุญสัมพันธ์อันดี
“หรรษา...สู้ ๆ หรรษา...สู้ ๆ หรรษา หรรษา หรรษา...สู้ ๆๆ” จิตอาสาฉือจี้ปลุกระดมใจพี่น้องหมู่บ้านหรรษา ให้หยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ ไม้กวาด ที่ตักขยะ พลั่ว ถังน้ำ ฯลฯ พร้อมทั้งนำพวกเขาเข้าไปทำความสะอาดชุมชนตนเอง ภาพแห่งความประทับใจเหล่านี้ เป็นภาพเมื่อมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ พ.ศ. 2554 โดยจิตอาสาฉือจี้ได้ผลักดัน “การช่วยภัยด้วยการทำงาน” ในหมู่บ้านหรรษา ว่าจ้างผู้ประสบภัยช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนและชุมชนของตนเอง พี่น้องหมู่บ้านหรรษาต่างก็ตอบรับและร่วมกิจกรรมเป็นอย่างดี และลุงแว่นซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหรรษา ก็ร่วมทุ่มเททำงานเช่นเดียวกัน
บ้างก็ช่วยกวาด บ้างก็ช่วยเช็ดถู บ้างก็ช่วยขนขยะ ฯลฯ จากการร่วมมือร่วมใจของจิตอาสาฉือจี้และคนในชุมชน ทำให้บ้านเรือนของผู้ประสบภัยกลับมาสะอาดดั้งเดิมในระยะเวลาอันสั้น อย่างเช่น บ้านของลุงแว่นซึ่งถูกน้ำท่วมเป็นเวลาเดือนกว่า ๆ ผนังบ้านเลอะเทอะไปด้วยคราบโคลน ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านพังเสียหายกลายเป็นขยะ ลุงแว่นเล่าว่า หากทำความสะอาดบ้านด้วยตนเองอาจจะต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งเดือน แต่เมื่อมี “การช่วยภัยด้วยการทำงาน” ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง บ้านก็สะอาดเรียบร้อย รวมทั้งถนนภายในหมู่บ้าน ที่มีกองขยะราวภูเขาถูกทิ้งสะสมกว่า 280 ตันในขณะนั้น ก็กลับสู่สภาพปกติภายในเวลา 4 วัน
▲มหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ พ.ศ. 2554 จิตอาสาฉือจี้ได้ผลักดัน
“การช่วยภัยด้วยการทำงาน” ในหมู่บ้านหรรษา ว่าจ้างผู้ประสบภัยช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนและชุมชนของตนเอง
▲จิตอาสาฉือจี้นำผู้ประสบภัยช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนและชุมชนของตนเอง
▲พี่น้องหมู่บ้านหรรษาต่างก็ตอบรับและร่วมแรงร่วมใจทำความสะอาดชุมชน
หลังจากการช่วยเหลือสิ้นสุด จิตอาสาฉือจี้ยังจัดกิจกรรมเลี้ยงน้ำชาขอบคุณพี่น้องหมู่บ้านหรรษา ที่ให้โอกาสจิตอาสาฉือจี้ทำความดี รวมทั้งขอบคุณในความร่วมร่วมใจของทุกคน จนภารกิจแล้วเสร็จอย่างราบรื่น ภายหลังยังนำจิตอาสาจากหมู่บ้านหรรษาร่วมทำความดี เปลี่ยนจากผู้รับเป็นผู้ให้ ช่วยมอบสิ่งของบรรเทาภัยในชุมชนต่าง ๆ
เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความประทับใจแก่พี่น้องหมู่บ้านหรรษาไม่น้อย และนำมาซึ่งเริ่มต้นของบุญสัมพันธ์อันดีระหว่างลุงแว่นกับฉือจี้ “อันนี้ก็เป็นอะไรที่เป็นปรัศนีในหัวใจ ข้อที่ 1 คือ ทำไมฉือจี้มาช่วยเหลือ โดยการมาจ้างเราทำความสะอาดบ้านเราเอง ปรัศนีข้อที่ 2 คือ มีด้วยเหรอที่มาช่วยเรา แล้วมาเรียกเราไปเลี้ยงขอบคุณ มันมีที่ไหน ผมยังไม่เคยเจอเลยว่าองค์กรไหนที่ทำอย่างนี้” ลุงแว่นแบ่งปันความประทับใจ
▲หลังจากการช่วยเหลือสิ้นสุด จิตอาสาฉือจี้ยังจัดกิจกรรมเลี้ยงน้ำชาขอบคุณพี่น้องหมู่บ้านหรรษา
ที่ให้โอกาสจิตอาสาฉือจี้ทำความดี รวมทั้งขอบคุณในความร่วมร่วมใจของทุกคน จนภารกิจแล้วเสร็จอย่างราบรื่น
2
เดินบนวิธีโพธิสัตว์ ค้นหาคำตอบในครอบครัวแห่งรักของฉือจี้
คำถามที่เกิดขึ้นในหัวใจวันนั้น เรียกร้องให้ลุงแว่นค้นหาคำตอบไขความสงสัย พ.ศ. 2555 ลุงแว่นตัดสินใจเข้าร่วมชั้นเรียนอบรมกรรมการและสัตยบุรุษฉือจี้ จนผ่านหลักอบรมสูตรสัตยบุรุษในปี พ.ศ. 2557 จากนั้นผ่านหลักสูตรอบรมกรรมการฉือจี้ ใน พ.ศ. 2558 และเดินทางไปรับรองวุฒิกรรมการฉือจี้จากท่านธรรมาจารย์ที่ไต้หวันใน พ.ศ. 2560 พร้อมกับปณิธานอันหนักแน่นว่า “จะรับภาระหน้าที่ของท่านธรรมาจารย์ มาเป็นภาระหน้าที่ตน”
ลุงแว่นเดินตามปณิธานอย่างแน่วแน่ ไม่ผันแปรต่ออุปสรรคใดๆ จึงมักเจอลุงแว่นในกิจกรรมต่าง ๆ ของฉือจี้อยู่เสมอ โดยปัจจุบันลุงแว่นได้รับมอบหมายภาระหน้าที่หลายอย่างในกิจกรรมฉือจี้ เช่น วิทยากรแบ่งปันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้ประสานงานกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลบ้านแพ้ว งานรักษาความสะอาดในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เป็นต้น
เดิมทีแล้วลุงแว่นยังมีภาระหน้าที่ในหมู่บ้านหรรษา ได้แก่ งานอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน (อสส.) และงานเลขานุการของชุมชน มิใช่เพียงจัดสรรเวลาช่วยงานจิตอาสาฉือจี้และงานในชุมชนได้อย่างลงตัว ลุงแว่นยังสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากฉือจี้ ประยุกต์ใช้ในงานของชุมชน ทำให้งานของตนมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ลุงแว่นแบ่งปันว่า “สมัยก่อนที่ผมยังไม่ได้เป็นฉือจี้ เวลาที่ทำงานในชุมชน ผมบอกเลยว่าผมทำงานตามหน้าที่ แต่พอได้มาเรียนรู้แนวคิดความรักที่ยิ่งใหญ่ของฉือจี้ ผมก็เอาความรักใส่เข้าไปในงานหน้าที่ของเรา สิ่งที่ได้รับ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ เหมือนกับทุกคนให้ความเคารพให้ตัวเรา ให้ความศรัทธาในตัวเรา”
▲พ.ศ 2555 ลุงแว่นตัดสินใจเข้าร่วมชั้นเรียนอบรมกรรมการและสัตยบุรุษฉือจี้
▲ลุงแว่นผ่านหลักสูตรอบรมกรรมการฉือจี้ ใน พ.ศ. 2558
พร้อมกับปณิธานอันหนักแน่นว่า “จะรับภารหน้าที่ของท่านธรรมาจารย์ มาเป็นภาระหน้าที่ตน”
▲ลุงแว่น(ขวา 1) บริการผู้ป่วยในกิจกรรมจิตอาสาในโรงพยาบาลบ้านแพ้ว
3
ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นจากตัวเองก่อน
ย้อนเล่าไปช่วงเวลาหลังผ่านพ้นมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ วันที่ 22 ธันวาคม 2554 จิตอาสาฉือจี้เริ่มผลักดันกิจกรรมคัดแยกขยะในหมู่บ้านหรรษา และยังคงดำเนินการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 และที่ 4 ของทุกเดือน ซึ่งการร่วมกิจกรรมคัดแยกขยะอย่างสม่ำเสมอ ค่อย ๆ บ่มเพาะแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ลุงแว่น
เปิดน้ำเท่าตะเกียบ หวงแหนทรัพยากรน้ำดั่งทองคำ ขยะภายในบ้านที่สามารถรีไซเคิลได้ ลุงแว่นก็คัดแยกไว้เป็นอย่างดี พกถุงผ้าติดตัว สะดวกใช้เมื่อจับจ่ายซื้อของ ปั่นจักรยานทำธุระในหมู่บ้าน และใช้บริการขนส่งสาธารณะเมื่อไปทำธุระนอกบ้าน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ลุงแว่นปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ลุงแว่นยังอาศัยการคัดแยกขยะเป็นสะพานบุญให้กับคนในชุมชน อย่างเช่น ตะกร้าพลาสติกใบใหญ่ที่ตั้งไว้หน้าบ้านลุงแว่น เป็นที่รู้กันว่าในเพื่อนบ้านละแวกนั้นว่า เป็นที่สำหรับรวบรวมขยะรีไซเคิล โดยเพื่อนบ้านต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มักจะนำขยะรีไซเคิลต่างๆ เช่น ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระดาษ ฯลฯ รวบรวมใส่ในตระกร้าพลาสติกอยู่เสมอ เมื่อเต็มตะกร้าพลาสติกแล้ว ลุงแว่นก็จะคัดแยกเป็นประเภทต่าง ๆ
หากใกล้วันคัดแยกขยะของหมู่บ้าน ก็จะนำไปรวมกับฉือจี้ หรืออาจจะนำไปจำหน่ายทันที เพื่อนำรายได้ไปบริจาคสมทบเข้ากองทุนการกุศลของมูลนิธิพุทธฉือจี้ “เราทำตรงนี้เพื่อเอาเงินไปช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าเราไม่ทำ เราก็ไม่มีเงินไปช่วยพวกเขา ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องควักกระเป๋าเรา มีคนนำสิ่งของ(ขยะรีไซเคิล)มาให้ มาร่วมทำบุญ เราเพียงแค่ลงแรงกาย คัดแยกให้เป็นหมวดหมู่แล้วเอาไปขาย” ลุงแว่นแบ่งปัน
▲การร่วมกิจกรรมคัดแยกขยะอย่างสม่ำเสมอ ค่อยๆบ่มเพาะแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ลุงแว่น
▲ปั่นจักรยานทำธุระในหมู่บ้าน นอกจากได้ออกกำลังกาย
ประหยัดค่าใช้จ่าย ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้อีกดด้วย
▲ขยะภายในบ้านที่สามารถรีไซเคิลได้ ลุงแว่นก็คัดแยกไว้เป็นอย่างดี
4
บอกเล่าในสิ่งที่ตนทำ แบ่งปันการรักษ์โลกแก่ผู้คน
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเริ่มต้นจากตัวเอง จากนั้นค่อย ๆ ส่งผลต่อคนในครอบครัวและผู้คนรอบข้าง และด้วยบทบาทวิทยากรแบ่งปันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของลุงแว่น ก็เป็นเสมือนคลื่นกระแสรณรงค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้คนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของการรักษ์โลกมากขึ้น
บอร์ดนิทรรศการคัดแยกขยะรีไซเคิลแบบพกพา ประดิษฐ์ขึ้นเองจากกล่องกระดาษลูกฟูก ติดแปะด้วยตัวอย่างขยะรีไซเคิลแต่ละประเภท คือสิ่งที่ลุงแว่นนำมาประกอบการบรรยาย ก่อนนำทุกคนร่วมลงมือทำในกิจกรรมนั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อหวังให้ทุกคนเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว การคัดแยกขยะเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ลุงแว่นแบ่งปันว่า “ผมก็หวังว่าทุกคนที่จะทำเกี่ยวกับเรื่องนี้(อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม) ต้องเริ่มจากที่ตัวเราเองก่อน จากครอบครัวของเรา และคนรอบข้างเรา จากนั้นจึงค่อยๆขยายออกไป”
“การกินเจ” นอกจากจะไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ หากยังเป็นหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และด้วยบทบาทของวิทยากรแบ่งปันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงเป็นแรงจูงใจให้ลุงแว่นเปลี่ยนความคิด หลังจากเดินทางไปรับวุฒิกรรมการฉือจี้ที่ไต้หวันใน พ.ศ. 2560 ลุงแว่นได้ตั้งปณิธานจะกินเจตลอดชีวิต ทั้งนี้ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้านแก่คนอื่น ๆ ซึ่งการกินเจก็นำมาความเปลี่ยนแปลง ที่ลุงแว่นก็สัมผัสได้ด้วยตนเอง “การที่เราไม่กินเนื้อสัตว์ ทำให้ร่างกายเราแข็งแรง โรคที่เป็นอยู่อย่างเช่น ความดัน ไปวัดทุกครั้งก็ปกติ นี่คือผลดีของการที่ไม่กินเนื้อสัตว์ และตอนนี้กางเกงเริ่มหลวม ต้องไปแก้เข้า พุงก็เริ่มยุบไปอีก สงสัยหดไปอีกนิ้วนึง” ลุงแว่นแบ่งปันอย่างอารมณ์ดี
▲บอร์ดนิทรรศการคัดแยกขยะรีไซเคิลแบบพกพา ลุงแว่นประดิษฐ์ขึ้นเองจากกล่องกระดาษลูกฟูก ติดแปะด้วยตัวอย่างขยะรีไซเคิลแต่ละประเภท
▲บอกเล่าในสิ่งที่ตนทำ แบ่งปันการรักษ์โลกแก่ผู้คน ลุงแว่นแบ่งปันการคัดแยกขยะ ผ่านบอร์ดนิทรรศการที่ตนประดิษฐ์ขึ้น
5
จิตอาสาฉือจี้ตลอดชีวิต
จากมหาอุทกภัยครั้งนั้น ทำให้ลุงแว่นก้าวสู่ครอบครัวแห่งรักอันยิ่งใหญ่ของฉือจี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ถึงความมุ่งมั่นและทุ่มในงานจิตอาสาฉือจี้ โดยไม่หวั่นตัวเลขของอายุตน ลุงแว่นแบ่งปันด้วยความปีติว่า “งานทุกอย่างของฉือจี้คืองานพัฒนาตนเอง พัฒนาจิตใจของตนเอง ทำแล้วมีความสุข ถามว่าจะทำฉือจี้ยาวนานเท่าไหร่ ก็บอกได้คำเดียวว่า จนลมหายใจสุดท้าย”
เรื่อง คุณดรรชนี สุระเทพ ภาพ คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี คุณบุษรา สมบัติ คุณจรรยพร เข้มแข็ง คุณพีระพัฒน์ เครือใจ
