ค้นหาข่าว

นักศึกษาจิตอาสาฉือจี้ไต้หวัน รวมพลังเก็บกวาดบ้านช่วยผู้ยากไร้

20180730-035-bylek resize

เช้าวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน จำนวน 11 คน ภายใต้การนำของอาจารย์เหอคุนอี้ และจิตอาสาฉือจี้ ในกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปช่วยทำความสะอาด ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้กับคุณยายบุญรอด ซึ่งเป็นครอบครัวผู้ยากไร้ ที่ฉือจี้เริ่มให้การดูแลระยะยาว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา

 

 

1
บททดสอบปัญญาและแรงกายกับกองขยะมหึมา

 

รองศาสตราจารย์เหอคุนอี้ อาจารย์ที่ปรึกษา “คณะจิตอาสาด้านการศึกษาภาษาจีนและบริการในต่างแดน” ของนักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ไทยว่า “ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา เราได้นำนักศึกษาเดินทางมายังเมืองไทย นอกจากเพื่อฝึกสอนภาษาจีน ที่โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่แล้ว ยังได้เดินทางมาเป็นจิตอาสา ในกรุงเทพมหานครด้วย ภายใต้การนำของจิตอาสาฉือจี้ ทำให้พวกเราได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่น เพื่อเข้าใจความสุขที่เราครอบครอง และทำให้ผมได้เห็นพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของเหล่านักศึกษา เพราะตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดว่าแค่มาทำจิตอาสาประเดี๋ยวประด๋าว โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่า ครอบครัวผู้ยากไร้ที่จิตอาสาฉือจี้ให้การดูแลเหล่านี้ พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ว่า บนโลกใบนี้ของเรา ยังมีคนที่ตกทุกข์ได้ยาก กำลังรอคอยและต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่”

คุณยายบุญรอด วัย 66 ปี อาศัยอยู่กับเพื่อน วัย 91 ปีและหลานชายซึ่งสติไม่สมประกอบวัย 15 ปี โดยพึ่งพิงเงินสงเคราะห์จากโบสถ์และหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งรายได้จากการขายขยะรีไซเคิล ที่หลานชายออกไปเก็บรวบรวมมา เนื่องจากบ้านของคุณยายบุญรอด ตั้งอยู่ใกล้กับบ่อฝังกลบขยะ ดังนั้นเพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปยังชุมชน กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ลอยตามสายลมมาปะทะจมูก ก่อนที่ทุกคนจะสะดุดตากับกองขยะอันมหึมา

เนื่องจากเหล่านักศึกษาไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้มาก่อน หลายคนจึงเกิดอาการหวาดหวั่น ทว่าภายใต้การนำของประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ และจิตอาสาฉือจี้ คุณไต้เหลียงเฟินที่ให้กำลังใจว่า “กองบุญรออยู่ข้างหน้าแล้ว คนไหนเข้าไปเก็บ คนนั้นก็ได้บุญ” ทำให้นักศึกษาเปลี่ยนทัศนคติ และกิดความฮึกเหิม ก่อนจะสวมถุงมือ หยิบอุปกรณ์คนละไม้คนละมือ และเริ่มทำงานเก็บกวาดทำความสะอาด

เมื่อเตรียมพร้อม เหล่านักศึกษาจึงเดินตามจิตอาสาฉือจี้ ก้าวเข้าไปเก็บขยะบริเวณโดยรอบบ้านที่พักอาศัยของคุณยายบุญรอด โดยทุ่มเทแรงกายแรงใจของตนเองอย่างสุดความสามารถ เสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ตามที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนได้เคยสอนไว้ว่า “การทำทานที่แท้จริง ไม่เพียงต้องให้โดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ยังต้องให้ด้วยความสำนึกคุณ” เหล่าจิตอาสาฉือจี้ คุณครูและนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยฉือจี้ ต่างปฏิบัติตามคำสอนนี้ของท่านธรรมาจารย์ แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของทุกคนได้ หลังจากกำจัดขยะที่ทับถมอยู่ภายนอกนานนับสิบปีได้แล้ว ในที่สุดบริเวณบ้านของคุณยายก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง นาบุญผืนนี้ต้องอาศัยแรงกายของคนจำนวนมาก เหล่านักศึกษาต่างรู้สึกขอบคุณ ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการเสียสละครั้งนี้

 

 

20180730-006-bylek resize

▲ทุกคนสวมผ้าปิดจมูกและถุงมือ เพื่อเตรียมช่วยคุณยายบุญรอดทำความสะอาด เก็บกวาดบ้านพักอาศัย

 

20180730-009-bylek resize

 ▲บ้านของคุณยายบุญรอดที่เก่าทรุดโทรมและเต็มไปด้วยขยะมูลฝอย

 

 

 

2
ใช้ปัญญาแก้ปัญหา พบกุศโลบายในการทำดี

หลังจากนั้น เหล่านักศึกษาจึงก้าวตามจิตอาสาเข้าไปภายในตัวบ้านของคุณยายบุญรอด ก่อนจะพบว่า นอกจากพื้นที่ที่คุณยายนั่งอยู่แล้ว รอบตัวของท่านล้วนเต็มไปด้วยข้าวของที่วางระเกะระกะ จนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นเก็บจากตรงไหน ทว่าไม่มีใครพูดพร่ำทำเพลง ต่างกุลีกุจอก้มหน้าก้มตา ช่วยกันเก็บกวาดข้าวของไร้ประโยชน์ ที่กองวางอยู่เต็มพื้น เพื่อออกไปคัดแยก ทำความสะอาดและเก็บเข้าที่

ขณะที่ทุกคนทำความสะอาดภายในบ้านได้เพียงแค่ครึ่งเดียวนั้น คุณยายบุญรอดก็เข้ามาห้ามปรามจิตอาสาฉือจี้และนักศึกษาไว้ เพราะเกิดเสียดายข้าวของที่อยู่กับคุณยายมานานหลายปี โดยบอกว่าตนเองเก็บไว้เพื่อจะขายต่อ แต่เมื่อรวบรวมไว้นานวันเข้าไม่ได้นำไปขายเสียที มันจึงกองทับถมจนท่วมสูงอย่างที่ทุกคนเห็น ดังนั้น เมื่อคุณยายเห็นว่าจิตอาสาและนักศึกษาจะขนข้าวของเหล่านี้ออกไปจากตัวบ้าน จึงรู้สึกเสียดาย ส่งผลให้การเก็บกวาดทำความสะอาดต้องชะงักไว้ชั่วคราว

หลังจากอาจารย์เหอคุนอี้ ปรึกษาร่วมกับประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยและจิตอาสาฉือจี้คนอื่น ๆ แล้ว จึงนึกถึงวิธีการ “มอบเงินสงเคราะห์ด้วยการรับซื้อสิ่งของ เพื่อผู้ยากไร้ได้ประโยชน์สองต่อ” โดยอาจารย์เหอคุนอี้ได้แบ่งปันภายหลังว่า “เราต่างเห็นว่าคุณยายทั้งสองท่าน ล้วนเป็นผู้สูงอายุที่เคลื่อนไหวไม่สะดวก หากจะให้พวกท่านเก็บกวาดข้าวของภายในบ้านเหล่านี้เอง คงต้องใช้เวลานานนับปี ดังนั้น ในเมื่อวันนี้มีจิตอาสามากกว่า 20 คนมาช่วย หากจะล้มเลิกไปกลางคัน ก็ถือว่าน่าเสียดายมาก การจะทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข ต้องเรียนรู้จากสติปัญญาของท่านธรรมาจารย์ การที่เราจะขนข้าวของที่อาจจะสามารถขายได้ออกไปจากตัวบ้าน คงทำให้คุณยายรู้สึกเสียดาย แม้จะขายได้เงินเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าหากเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็ย่อมเข้าใจถึงความเสียดายของคุณยาย ดังนั้น เราจึงขออนุญาตซื้อข้าวของที่คุณยายเก็บสะสมไว้นานหลายปีเหล่านี้ ทำให้คุณยายไม่เพียงจะได้รับเงินช่วยเหลือจุนเจือชีวิตความเป็นอยู่เพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ยังทำให้เราได้รับอนุญาตจากท่าน เพื่อทำภารกิจเก็บกวาดทำความสะอาดที่พักอาศัยให้สำเร็จลุล่วง นี่เป็นวิธีการที่เรียกว่ามอบเงินสงเคราะห์ด้วยการรับซื้อสิ่งของ เพื่อผู้ยากไร้ได้ประโยชน์สองต่อ การช่วยเหลือคนที่ยิ่งยากลำบาก เรายิ่งต้องใช้ความรักไปดูแลพวกเขานะครับ”

แม้จิตอาสาฉือจี้ อาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้จะมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ทว่าก็ยังต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจจากคุณยายจึงจะสามารถทำได้ ขอบพระคุณประธานบริหาร คุณสุกัญญา ที่ช่วยพูดคุยโน้มน้าวคุณยายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความมุ่งมั่น และน้ำเสียงที่อ่อนโยน หลังจากความพยายามนานกว่า 30 นาที ในที่สุด ใบหน้าของคุณยายที่เคยเต็มไปด้วยความเสียดาย ก็ค่อย ๆ แสดงออกถึงความผ่อนคลายและไว้วางใจ ทำให้การทำความสะอาดบ้านเรือนที่พักอาศัยของคุณยายบุญรอด สามารถดำเนินต่อไปได้ในที่สุด เหล่านักศึกษาต่างรู้สึกชื่นชมในความเมตตาและสติปัญญาของจิตอาสาและอาจารย์ที่ปรึกษา จนได้เข้าใจคำสอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ที่อาจารย์เหอคุนอี้กำชับอยู่บ่อยครั้งว่า “จงนำธรรมะเข้าสู่จิตใจ” และ “จงตั้งใจ” อย่างถ่องแท้

20180730-028-bylek resize

▲นอกจากพื้นที่ที่คุณยายบุญรอดนั่งอยู่ บริเวณอื่น ๆ ของบ้าน ถูกข้าวของต่าง ๆ วางทับถมจนท่วมสูง

 

20180730-092-bylek resize 

▲ทุกคนแบ่งงานกันทำ เพื่อช่วยเก็บกวาดบ้านพักอาศัยให้กับครอบครัวผู้ยากไร้

 

20180730-123-bylek resize 

▲ทุกคนแบ่งงานกันทำ เพื่อช่วยเก็บกวาดบ้านพักอาศัยให้กับครอบครัวผู้ยากไร้

  

3
ความรักในใจเป็นแรงผลักดัน ร่วมแรงร่วมใจส่งมอบความห่วงใย

เมื่อเหล่านักศึกษา ได้ก้าวเข้าไปในตัวบ้านของคุณยายบุญรอดอีกครั้ง ก็สะดุดตากับตุ๊กตา กระเป๋าและเสื้อผ้า ที่คุณยายเก็บสะสมมานานหลายปี ทำให้พื้นที่บ้านประมาณ 30 ตารางเมตร เหลือที่ว่างเพียงทางเดินแคบ ๆ ที่ผ่านไปได้ทีละคนเท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการจัดเก็บข้าวของที่วางซ้อนทับระเกะระกะจนสูงเกือบถึงหัวเข่า ทุกคนก็พบว่า ข้าวของหลายอย่างเสียหายเพราะถูกฝนสาด หรือไม่ก็ถูกแมลงและหนูกัดแทะ ทำให้เมื่อถูกเคลื่อนย้าย ปุยนุ่นในตุ๊กตาและหมอนบางส่วน จึงหลุดลอยคละคลุ้งไปทั่ว แม้เหล่านักศึกษาจะสวมผ้าปิดจมูกกันถึงสองชั้นแล้วก็ตาม ทว่าละอองฝุ่นที่ลอยละล่องก็หนาจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เนื่องจากคุณยายบุญรอด ยังคงตัดใจจากข้าวของบางส่วนไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเห็นจิตอาสาและนักศึกษาช่วยกันคัดแยกข้าวของเหล่านั้นใส่ลงในถุงขยะ ท่านจึงรีบเข้ามาสำรวจว่า ได้ทิ้งสิ่งที่ตัวเองหวงแหนไปหรือไม่

หลังจากจัดการเก็บกวาดข้าวของที่วางเต็มพื้นจนเหลือชั้นสุดท้าย ทุกคนจึงพบกับฝูงแมลงที่ไม่รู้จักชื่อ แมลงสาบและรังมดฝูงใหญ่ สร้างความหวาดหวั่นให้กับเหล่านักศึกษาไปตาม ๆ กัน แต่เพื่อดำเนินภารกิจให้สำเร็จลุล่วง เหล่านักศึกษาจึงข่มความกลัวของตนเองไว้ และอดทนกับอาการคันตามเนื้อตัวที่เกิดขึ้น เพื่อช่วยกันทำความสะอาดเก็บกวาดต่อ สุดท้าย ด้วยความพยายามร่วมกันของทุกคน จึงสามารถเก็บกวาดข้าวของทั้งหมดจนเสร็จ โดยได้กำจัดสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ไปมากกว่า 20 ถุง ทำให้เห็นพื้นที่ที่แท้จริงของบ้านคุณยายบุญรอด

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง จิตอาสาฉือจี้ อาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ก็จัดการกับข้าวของที่ครอบครัวคุณยายเก็บทับถมไว้นานกว่า 10 ปี ได้สำเร็จ ทุกคนสังเกตุเห็นว่า คุณยายดูไม่ชินกับสภาพใหม่ของบ้าน ทุกคนจึงประคองคุณยายออกมานั่งหน้าประตู พร้อมทั้งอาศัยภาษามือประกอบเพลง “ส่งมอบความรักออกไป” เพื่อมอบกำลังใจให้กับท่าน

การก้าวเข้าไปในชุมชน เพื่อ “เห็นความทุกข์ เข้าใจสุข” ในครั้งนี้ อาจารย์ที่ปรึกษา คุณเหอคุนอี้ได้บอกเล่าถึงความคาดหวังที่มีต่อเหล่านักศึกษาว่า “เมื่อเรากลับไปถึงบ้านแล้ว เปิดก๊อกก็มีน้ำอุ่นไหลให้กินให้ใช้ เปิดตู้เย็นก็มีอาหารให้กิน นี่แสดงให้เห็นว่าเราได้ยืนบนยอดปีระมิด เป็นคนที่มีความสุขที่สุดแล้ว ดังนั้นเราจึงควรตระหนักว่า เราจะเสียสละอะไรเพื่อผู้อื่นได้บ้าง ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะไขว่คว้าอะไรเพื่อตัวเองเท่านั้น”

หลี่ฉืออิน นักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ได้บอกเล่าถึงความสุขของการเป็นจิตอาสา ร่วมเสียสละในวันนี้ว่า “ตอนแรกที่เห็นภาพทีอยู่ตรงหน้า ฉันก็รู้สึกตกใจมากเลยค่ะ เพราะแตกต่างจากความเป็นอยู่ของเราโดยสิ้นเชิง ทำให้รู้ว่า โลกเรายังมีสถานที่แบบนี้อยู่จริง ๆ แล้วตอนที่เริ่มเก็บกวาด แม้จะมีขยะเยอะมาก แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของเราทุกคน ก็ทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงลงได้ ฉันเองก็ได้เข้าใจคำสอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนที่บอกว่า คนที่มีความเป็นอยู่ที่ดี ต้องรู้จักถนอมบุญ และหมั่นสร้างบุญด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป ในวันนี้ฉันได้มีโอกาสมาดูแลคุณยาย ก็ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ฉันได้สัมผัสความสุขของการเป็นผู้ให้ในวันนี้ค่ะ”

นอกจาก “การเห็นทุกข์ เข้าใจสุข” แล้ว เย่อี๋จวิน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ยังได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรีไซเคิล โดยกล่าวว่า “เมื่อก่อนฉันจินตนาการสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยขยะไม่ออกเลยค่ะ เพราะเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ ว่าคนยากจนบางประเทศต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางภูเขาขยะนั้นมันน่ากลัวเพียงใด แต่วันนี้ได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ทำให้เข้าใจเลยว่า การจะจัดการกับขยะนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย แม้จะจัดการไปก็ได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะยังมีอีกมากที่จมอยู่ใต้พื้นดิน หลังจากฉันช่วยคุณยายเก็บกวาดบ้านเสร็จ ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็รู้สึกสบายใจแทนคุณยาย และยิ่งตระหนักว่า เราต้องทำงานด้านรีไซเคิลให้ดี อย่าทิ้งขยะเรี่ยราด ดังนั้นเมื่อฉันกลับไปยังมหาวิทยาลัย ฉันจะผลักดันเรื่องนี้กับคนรอบตัวให้มากยิ่งขึ้นค่ะ”

เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากลา ก็เห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ของคุณยาย เชื่อมั่นว่าท่านได้สัมผัสถึงความห่วงใยของชาวฉือจี้ จากการเสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก่อเกิดเป็นสายสัมพันธ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ ลงในจิตใจระหว่างกัน

20180730-149-bylek resize

▲นักศึกษาจิตอาสาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ช่วยกันเก็บข้าวของที่ใช้การไม่ได้แล้ว นำไปทิ้งที่รถเก็บขยะ

 

20180730-185-bylek resize

▲ทุกคนร่วมกันแสดงภาษามือประกอบเพลง "ส่งมอบความรักออกไป" เพื่อให้กำลังใจคุณยายบุญรอด

 

20180730-050-bylek resize

▲ก่อนเก็บกวาด

 

20180730-181-bylek resize

▲หลังเก็บกวาด

 

 

 

เรื่อง นักศึกษา มหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน, ทีมจิตอาสาผู้บันทึกความจริงอันดีงาม, คุณบุษรา สมบัติ   ภาพ คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี