ฝนโปรยปรายยามเช้าตรู่ ทั้งฝูงนกและมวลเมฆหนาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เดือนธันวาคมเป็นฤดูแล้งของประเทศไทย และเป็นช่วงที่ฝนห่างหายไปแล้ว แต่เพิ่งได้ทราบข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา
รายงานพยากรณ์อากาศว่า จะมีฝนตกหนักติดต่อกันอย่างน้อย 2 วัน ซึ่งตรงกับวันที่จิตอาสาฉือจี้จะซ่อมแซมบ้านให้ครอบครัวผู้ยากไร้พอดี แต่อย่างไรก็ตาม ในครอบครัวแห่งรักอันยิ่งใหญ่ของฉือจี้ ไม่ว่าฝนจะตกหรือฟ้าจะร้อง ขอเพียงเป็นกิจธุระจำเป็นจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ จิตอาสาฉือจี้ก็ยืนหยัดดำเนินการตามความตั้งใจเดิมให้ลุล่วงจนได้
วันนี้จิตอาสาฉือจี้ดำเนินการซ่อมแซมบ้านให้ครอบครัวผู้ยากไร้ 2 คน คนแรกพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร อีกหนึ่งคน พักอยู่ที่เทศบาลตำบลบางปู ถ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ
1
ดูแลอย่างทันท่วงที
ลุงสวัสดิ์ วัย 65 อาศัยในย่านถ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ เลี้ยงดูลูกสาววัย 31 ปี ซึ่งพิการทางสมองเพียงลำพัง ลุงสวัสดิ์เป็นครอบครัวผู้ยากไร้ ที่ฉือจี้ให้ความช่วยเหลือดูแลมาอย่างต่อเนื่อง 6 ปีกว่า เพื่อที่จะได้ดูแลลูกสาวอย่างเต็มที่ ลุงสวัสดิ์จึงมักจะให้ลูกสาวอยู่ข้างกายเสมอ รวมทั้งพาไปขายเสื้อผ้าที่สะพานลอยด้วย แต่บางครั้งที่เผลอไม่ระวัง ลูกสาวก็มักจะหายไปในกลุ่มผู้คน ลุงสวัสดิ์จึงต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาลูกสาว
2 วันก่อน ด้วยความมืด ลูกสาวจึงถูกรถจักรยานยนต์ชนล้ม ต้องเย็บแผลที่ศีรษะถึง 6 เข็ม ลุงสวัสดิ์จึงต้องอยู่บ้านดูแลลูกสาวทั้งวัน ในระหว่างที่จิตอาสากำลังพูดคุยกับลุงสวัสดิ์ เกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุที่ลูกสาวประสบพบเจอมา ลูกสาวซึ่งนั่งอยู่บนพื้น ก็เหมือนว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนกำลังพูดคุย จึงจับมือลุงสวัสดิ์ผู้เป็นพ่อ ไปชี้บาดแผลน้อยใหญ่บริเวณขา คล้ายเด็กโตที่ต้องการการดูแลจากพ่อแม่ ส่วนแววตาของลุงสวัสดิ์นั้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในขณะนั้น จิตอาสาฉือจี้จึงได้เห็นถึงความลำบากขัดจนของผู้ยากจนและผู้ป่วย
จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน แบ่งปันว่า “สำหรับเคสลุงสวัสดิ์ หลังจากที่เราได้พบคุณลุงในพ.ศ. 2555 เราก็ให้ความช่วยเหลือเรื่อยมา ภรรยาของลุงสวัสดิ์เสียชีวิตไปนานแล้ว คุณลุงขายเสื้อผ้าเด็กประทังชีวิตอยู่บนสะพานลอยมาโดยตลอด แต่ด้วยลูกสาวมีความพิการทางสมอง ฉะนั้น เวลาที่คุณลุงไปขายของที่ต้องพาลูกสาวไปด้วยเสมอ รายได้ก็ไม่มั่นคง เมื่อเราทราบถึงความลำบากของลุงสวัสดิ์แล้ว ไม่เพียงมอบเงินสงเคราะห์ในทุก ๆ เดือน เรายังดูแลคุณลุงเสมอมาค่ะ”
▲จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน (ซ้าย) และคุณหลู่จิ่นสู (ขวา)ตรวจเช็คไม้ฝาหนังเทียนที่ร้านนำมาจัดส่ง
▲จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน (ขวา) และคุณหลู่จิ่นสู (ซ้าย) ช่วยกันขนไม้ฝาผนังเทียมส่งให้คนงานก่อสร้างนำไปติดตั้ง
สาเหตุที่ต้องช่วยลุงสวัสดิ์ซ่อมแซมบ้านในครั้งนี้เพราะว่า ผนังบ้านชั้นสองซึ่งทำจากไม้ถูกปลวกกัดกินเสียหายอย่างหนัก ทำให้ผนังบ้านผุพังและเต็มไปด้วยช่องโหว่ จนสามารถมองเห็นภายในบ้านตั้งแต่ไกล ๆ ซึ่งเดิมทีแรกเริ่มนั้น ลุงสวัสดิ์นำไม้เก่ามาสร้างบ้านหลังนี้ และพักอาศัยอยู่มานานประมาณ 35 ปี ลุงสวัสดิ์แบ่งปันว่า “มันผุไปเรื่อย ๆ ผุไปเรื่อย ๆ ผมก็เอาเชนไดร้ท์ทา ทาไม่อยู่ มันก็ผุไปเรื่อยครับ”
หลังจากที่จิตอาสาฉือจี้เขตตะวันออก 2 ลงพื้นที่สำรวจแล้ว จึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ โดยใช้ไม้ฝาเทียมลายไม้ซ่อมแซมแทนไม้จริงที่ผุพัง คาดว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะแล้วเสร็จ เพื่อให้ลุงสวัสดิ์และลูกสาวได้อาศัยในบ้านที่ปลอดภัยได้ในเร็ววัน ลุงสวัสดิ์แบ่งปันความรู้สึกว่า “ผมปลื้มใจ ผมตื้นตันใจ พูดไม่ออกครับ พูดง่าย ๆ เลยว่า ขอขอบคุณมาก ๆ เลยครับ”
▲จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยเจิน รับฟังสิ่งที่ลุงสวัสดิ์แบ่งปัน
เช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2561 รองประธานชุมชนซึ่งให้ความช่วยเหลือฉือจี้ดูแลครอบครัวผู้ยากไร้มาโดยตลอด ได้นำคนงานก่อสร้าง รื้อไม้ฝาที่ผุพังออกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จากนั้นจึงตั้งนั่งร้านขึ้นไปให้สูงเทียบเท่ากับชั้นสองของบ้าน ส่วนลุงสวัสดิ์ก็ช่วยขนไม้ฝาเทียมลงจากรถ มากองเพื่อเตรียมให้ช่างก่อสร้างนำไปติดตั้ง แต่ในส่วนด้านข้างของตัวบ้านนั้น เนื่องจากพื้นที่ป้องกันอัคคีภัยค่อนข้างแคบ ผ่านเข้าไปได้เพียงครั้งละ 2 คน จึงต้องค่อย ๆ ช่วยกันยกไม้ฝาเทียมข้ามกำแพงและถังเก็บน้ำทีละแผ่น เพื่อวางเตรียมไว้บนนั่งร้านอย่างยากลำบาก
▲ภาพก่อนซ่อมแซม---ผนังบ้านชั้นสองซึ่งทำจากไม้ถูกปลวกกัดกินเสียหายอย่างหนัก
เพราะทราบว่าอยู่ในระหว่างซ่อมแซมบ้าน หัวหน้าจิตอาสาฉือจี้ คุณเฉินซิ่วเจีย จึงนำเงินช่วยเหลือสงเคราะห์มามอบให้ล่วงหน้า ลุงสวัสดิ์รับเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ด้วยความดีใจ และบริจาคกลับคืนให้จิตอาสาฉือจี้ 50 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ลุงสวัสดิ์ตอบแทนในน้ำใจของฉือจี้เรื่อยมา หวังเป็นผู้ให้และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป อีกทั้ง ในทุก ๆ เดือน ลุงสวัสดิ์ยังพาลูกสาวไปช่วยคุณสุระชัย ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวผู้ยากไร้ที่ฉือจี้ดูแล ทำความสะอาดบ้านอีกด้วย ลุงสวัสดิ์ แบ่งปันว่า “การบริจาคหรือการไปช่วยเหลือคุณสุระชัย ถือเป็นการสร้างบุญของผมและลูกสาว อีกอย่างคือเป็นการขอบคุณและตอบแทนมูลนิธิพุทธฉือจี้ ที่ช่วยเหลือผมมาโดยตลอดครับ ทำจิตอาสาแล้วผมรู้สึกสบายใจ เพราะว่ามูลนิธิก็ช่วยเหลือผมมาใช่มั้ยครับ แต่ผมก็ไม่มีเงินที่จะช่วยมูลนิธิได้ ผมจึงใช้กำลังกายช่วยมูลนิธิ แบ่งเบางานของมูลนิธิบ้างครับ”
▲ก่อนที่จะรับเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ ลุงสวัสดิ์บริจาคน้ำใจตนให้คุณจางฮุ่ยหลานทันที
ลุงสวัสดิ์ยิ้มด้วยความสุขและขอบคุณขณะแบ่งปันความรู้สึก ขณะนั้นเอง คุณรัตนโชติ ประมวลทรัพย์ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ซึ่งเดินทางมาบันทึกภาพกิจกรรม ก็รู้สึกเห็นใจในความยากลำบากของลุงสวัสดิ์ จึงให้คำแนะนำกับคุณลุง ให้พาลูกสาวไปพบแพทย์ในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี ซึ่งไม่เพียงบรรเทาอาการป่วยของลูกสาว หากยังสามารถแบ่งเบาภาระของคุณลุงได้อีกด้วย
▲เนื่องจากแต่ก่อนผนังบ้านพุผัง จึงไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ หลังการซ่อมแซมแล้ว
จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน จึงพาลูกสาวลุงสวัสดิ์ลองเปิดหน้าต่างดูวิวทิวทัศน์ภายนอก
▲จิตอาสาฉือจี้นำความรักและความห่วงใยมอบมามอบให้ เพื่อให้ลุงสวัสดิ์และลูกสาวขึ้นบ้านใหม่ได้ความสุขใจ
2
สืบทอดความรัก ให้คงอยู่ต่อไป
ภารกิจที่สองคือ การสำรวจสภาพหลังคารั่วบ้านของนักเรียนทุนการศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงแล้ว จะต้องข้ามสะพานไม้ซึ่งมีความยาว 20 กว่าเมตร โชคดีที่วันดังกล่าวกระแสน้ำไหลนิ่ง จิตอาสาจึงค่อย ๆ เดินข้ามสะพานไม้ไปทีละคน เพราะเกรงว่า ถ้าเดินข้ามหลายคนพร้อมกัน สะพานไม้จะรับน้ำหนักไม่ไหว
▲จิตอาสาฉือจี้ค่อยเดินบนสะพานไม้ เพื่อไปเยี่ยมเยียมสุดารัตน์และคุณยายบุญธรรม
เมื่อข้ามสะพานแล้ว ตรอกซอยโค้งเล็ก ๆ นำจิตอาสาฉือจี้ยังไปต้นไม้แห้งขนาดใหญ่ ซึ่งด้านข้างเป็นบ้านของนักเรียนทุน ภายใต้บ้านไม้มุงด้วยสังกะสีหลังนี้มีสุดารัตน์ ซึ่งเพิ่งจะเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา อาศัยอยู่กับคุณบุญธรรม วัย 67 ปี ผู้ซึ่งเป็นยาย สุดารัตน์เป็นนักเรียนทุนการศึกษาที่ฉือจี้รับดูแลเป็นเคสครอบครัวผู้ยากไร้ หลังจากพ่อแม่หย่าร้างแยกทางกัน คุณยายซึ่งทำงานแม่บ้านเลี้ยงชีพ เลี้ยงดูสุดารัตน์จนเติบใหญ่ ปัจจุบันบ้านที่อาศัยอยู่ ก็เป็นบ้านไม้สร้างเองบนที่ดินเช่าจากรัฐบาล เดือนละ 150 บาท คุณยายเพิ่งได้รับการผ่าตัดรักษาต้อกระจก และอยู่ในช่วงพักฟื้นที่บ้าน คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนคุณแม่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว
▲คุณยายบุญธรรมอาศัยเงินจากการรับจ้างเลี้ยงเด็กประทังชีวิต
จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน แบ่งปันว่า “จากที่สัมภาษณ์นักเรียนทุนการศึกษาจำนวน 300 กว่าคน สุดารัตน์เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนที่สุดเท่าที่เคยพบมาค่ะ” ตอนแรกที่ทราบประกาศจากมหาวิทยาลัย สุดารัตน์ก็ตั้งใจจะสอบเอนทรานซ์ใหม่ในปีหน้า เพราะสาขาที่สอบได้ยังไม่ตรงกับความคาดหวังของตน ทว่า หลังจากที่คิดทบทวนแล้ว เธอก็ต้องการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตได้ในเร็ววัน จึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อเลย โดยอดทนนั่งรถ 3 ต่อ ไปกลับมหาวิทยาลัยทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง เพื่อรีบเรียนให้จบ ทำงานหาเงินเลี้ยงดูยาย หลังจากที่สำรวจบ้านของสุดารัตน์แล้ว จิตอาสาจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือเปลี่ยนสังกะสีภายในบ้านจำนวน 3 แผ่น และนำแผ่นสังกะสีที่รั่วนี้ไปใช้ในบริเวณอื่นต่อไป
▲หลังจากสำรวจสภาพภายในบ้านแล้ว จิตอาสาฉือจี้ตัดสินใจช่วยเหลือเปลี่ยนสังกะสีใหม่จำนวน 3 แผ่นให้สุดารัตน์
▲สุดารัตน์ (ซ้าย 1) เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องการเรียนจบไว ๆ เพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงยาย
สภาพความยากลำบากของครอบครัวผู้ยากไร้ที่ฉือจี้ให้การช่วยเหลือดูแล ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนต่างก็รู้สึกว่าตนโชคดีมากเพียงใด อีกทั้งยังจุดประกายความดีใจในจิตใจของผู้คน ในโลกแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของฉือจี้ ขอเพียงมีความจริงใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่ก็คือความหมายของ “การรวมใจเป็นหนึ่งเดียวด้วยจิตที่บริสุทธิ์” อย่างแท้จริง
เรื่อง คุณหลู่จิ่นสู ภาพ คุณณัฐธยาน์ ธนัทกิตติพงศ์