นับตั้งแต่สถานธรรมจิ้งซือ ในกรุงเทพมหานคร เปิดทำการอย่างเป็นทางการเป็นต้นมา อาสาสมัครฉือจี้ต่างก็พยายามผูกบุญสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง
รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลอย่างต่อเนื่อง เป็นมูลเหตุให้อาสาสมัครฉือจี้ได้ก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนราชดำริ เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2559 เพื่อชี้แจงรายละเอียด โครงการสงเคราะห์ทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังของฉือจี้ โดยในปีการศึกษา พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมานั้น ฉือจี้ได้นำความรัก ไปรินรดเหล่าต้นกล้าการศึกษา ช่วยสานฝันให้กับนักเรียนที่ครอบครัวขาดแคลนทุนทรัพย์ไปรวมทั้งสิ้น 69 คน
▲คณะครู นักเรียนทุนการศึกษาฉือจี้และผู้ปกครอง ประมาณ 180 คน ร่วมกันทำความรู้จักฉือจี้ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้นักเรียนทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวัง โรงเรียนราชดำริ และเหล่าผู้ปกครอง ได้มีโอกาสรู้จักฉือจี้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งได้ตระหนักว่าทุนการศึกษาทุกบาทนั้นมีความหมายเพียงใด หวังให้ทุกคนทะนุถนอมและนำทุนการศึกษาที่ได้รับ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการศึกษา ดังนั้น ก่อนพิธีมอบทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังที่จะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้ อาสาสมัครฉือจี้จึงร่วมกันจัด “การประชุมครู นักเรียนทุนการศึกษาและผู้ปกครอง โรงเรียนราชดำริ” ขึ้น ณ สถานธรรมจิ้งซือ ในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา
▲อาสาสมัครนำภาษามือประกอบเพลง "โลกนี้มีความรัก" มาทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกับเหล่านักเรียนและผู้ปกครอง
คุณครูรัตตินันท์ เรืองปิติสิทธิ์ แบ่งปันว่า สิ่งที่ประทับใจในฉือจี้มากที่สุด คือ ความเมตตาด้วยใจจริง เพราะการมอบทุนโดยทั่วไป จะกำหนดคุณสมบัติของนักเรียนว่า ต้องได้รับเกรดเฉลี่ยสูงกว่า 3.00 ขึ้นไป ทว่าตัวท่านเองก็เข้าใจดีว่า เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จะมีจำนวนสักเท่าไรที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขนั้น แต่ทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังของฉือจี้ ช่วยเหลือนักเรียนทุกคนที่ครอบครัวมีรายได้น้อย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านผลการศึกษา ขอเพียงไม่มีการติดศูนย์ในรายวิชาใด ๆ และเป็นนักเรียนที่มีความประพฤติดี ก็สามารถขอยื่นรับทุนการศึกษาจากฉือจี้ได้
“ครูรับผิดชอบเรื่องทุนการศึกษามานานกว่า 10 ปี มูลนิธิฉือจี้เป็นมูลนิธิแรก ที่ครูรู้สึกว่า ได้ดูแลเด็ก ๆ นักเรียนด้วยหัวใจจริง ๆ” คุณครูรัตตินันท์ แบ่งปันถึงความประทับใจที่มีต่อฉือจี้ ระหว่างการเสวนาในหัวข้อ “ทุนการศึกษา ต้นกล้าแห่งความหวัง”
▲คุณครูรัตตินันท์ เรืองปิติสิทธิ์ ชื่นชมในหลักการและเงื่อนไขการรับทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังของฉือจี้
1
เห็นทุกข์ เข้าใจสุข สัมผัสทุกข์ เรียนรู้ธรรม
คุณวีระชัย ทาบุญสม ซึ่งได้รับการดูแลช่วยเหลือจากฉือจี้ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ในระหว่างนั้นได้มีโอกาสติดตามอาสาสมัครฉือจี้ เข้าไปเยี่ยมเยียนดูแลครอบครัวผู้ยากไร้ในชุมชน และระหว่างการร่วมเสียสละเป็นผู้ให้นี้ เมื่อคุณวีระชัยได้เห็นทุกข์ของผู้อื่น จึงเข้าใจในความสุขที่ตนเองมี และได้เรียนรู้ธรรมะต่าง ๆ จากการเข้าไปสัมผัสความทุกข์ต่าง ๆ นานา จากชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ยากไร้
คุณวีระชัยแบ่งปันกับเหล่านักเรียนทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังฉือจี้ว่า “เมื่อก่อนเราอาจจะมองแต่สิ่งที่เราขาด โดยไม่เคยมองสิ่งที่เรามี แต่พอเรารู้สึกตัว แล้วลองย้อนกลับมามองดูสิ่งที่เรามีปุ๊บ ผมกลับพบว่าตัวเอง ก็ยังมีกำลังที่จะไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อได้ครับ”
จากการยืนหยัดเคียงข้างของชาวฉือจี้ จุดประกายให้คุณวีระชัยค้นพบเป้าหมายใหม่ของชีวิต หนึ่งในนั้นคือ จากเดิมที่เคยเรียนสายวิทย์-คณิต กลับเลือกเรียนวิชาเอกภาษาจีน ในระดับอุดมศึกษา เพราะต้องการฟังให้รู้และอ่านธรรมะของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนให้เข้าใจได้ด้วยตนเอง อีกทั้งอยากช่วยแบ่งเบาภาระของอาสาสมัครฉือจี้ในเมืองไทย ช่วยถ่ายทอดจิตวิญญาณและจริยธรรมความดีงามของฉือจี้จากไต้หวัน ไปสู่พี่น้องชาวไทยให้มากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ติดตามอาสาสมัครฉือจี้ไปทำงานจิตอาสา เสียสละเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนนี้ คุณวีระชัยก็ยังได้รับการถ่ายทอดจิตวิญญาณจิตอาสามาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อออกไปทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็นำเอาจิตวิญญาณนี้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
คุณวีระชัยกล่าวว่า “ผมได้รับการปลูกฝังความเป็นจิตอาสามาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเราออกไปทำงานกับผู้อื่น บางครั้งแม้หน้าที่ของเราเสร็จแล้ว แต่เราก็ยังยินดีที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นต่อครับ” พร้อมทั้งเล่าต่ออีกว่า ในขณะที่อาสาช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ โดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น กลับเกิดผลดีกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เพราะช่วยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานดียิ่งขึ้น จนกลายเป็นที่รักของทุกคน จนกระทั่งเมื่อคุณวีระชัยสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว เขาจึงเลือกที่จะเข้าทำงานในครอบครัวฉือจี้ ด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่เลขานุการบริหาร มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย ผสานงานอาชีพเข้ากับงานปณิธานจนถึงทุกวันนี้
▲ผู้ปกครองและนักเรียนร่วมกันแสดงภาษามือประกอบเพลง "ใบหน้าที่มีความสุข" ตามอาสาสมัครฉือจี้ที่สาธิตอยู่บนเวที
▲อาสาสมัครฉือจี้ คุณอิงอร ป่าทองและคุณธีระ เชี่ยวชาญวิทย์กุล
ให้การดูแลช่วยเหลือผู้ปกครองของนักเรียนทุนที่เดินไม่สะดวก และรู้สึกไม่สบายอย่างใกล้ชิด
2
ขอบพระคุณการดูแลของฉือจี้ ทดแทนคุณด้วยการส่งความรักต่อออกไป
เนื่องจากได้รับทุนการศึกษาต้นกล้าแห่งความหวังจากฉือจี้ สู่การแจ้งข่าวคราวของคุณครู และการเยี่ยมบ้านสำรวจความเป็นอยู่ของอาสาสมัครฉือจี้ ทำให้ทราบว่า น้องภัคจิรา นักเรียนโรงเรียนราชดำริ เพิ่งจะสูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้คุณแม่ต้องรับภาระเป็นผู้หารายได้มาจุนเจือลูก ๆ ทั้งสามคนเพียงลำพัง ต่อมาฉือจี้จึงได้ให้ความช่วยเหลือดูแลระยะยาวแก่ครอบครัวน้องภัคจิรา ด้วยการรับเป็นครอบครัวบุญคุณ สร้างความซาบซึ้งใจให้กับภัคจิรา พี่สาวและน้องชายเป็นอย่างมาก ครั้นแล้วจึงอาศัยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ มาร่วมเป็นจิตอาสากับฉือจี้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบริการชุมชนรักษาพยาบาลฟรี หรือกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในชุมชน ก็มักจะเห็นภาพของสามพี่น้อง ก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความทุ่มเทอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่เสมอ
จากแรงบันดาลใจของอาสาสมัครฉือจี้ ทำให้น้องภัคจิรา และพี่น้อง อาศัยการลงมือทำเพื่อส่งความรักต่อออกไปให้กับผู้คนในสังคม โดยน้องภัคจิรากล่าวความรู้สึกว่า “ดิฉันได้เห็นความเมตตาของมูลนิธิ ทำให้ดิฉัน พี่สาวและน้องชาย มีความตั้งใจที่อยากจะตอบแทนพระคุณ โดยการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจิตอาสากับมูลนิธิฉือจี้ค่ะ”
▲น้องภัคจิรา นักเรียนโรงเรียนราชดำริ แบ่งปันความประทับใจและความขอบคุณที่มีต่อฉือจี้
คุณแม่เยาวลักษณ์ซึ่งนำบุตรชายน้องชญานนท์ ที่กำลังจะเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ เนื่องจากน้องชญานนท์ เติบโตและสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาในต่างจังหวัด ภายใต้การดูแลของคุณตาคุณยาย จนเมื่อน้องชญานนท์ย่างเข้าสู่วัยรุ่น คุณแม่เยาวลักษณ์ต้องการที่จะดูแลบุตรชายอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น จึงนำบุตรชายเข้ามาอาศัยอยู่กับตนเองและให้รับการศึกษาต่อในกรุงเทพมหานคร
คุณแม่เยาวลักษณ์อาศัยรายได้จากการรับจ้างเย็บผ้า และรายได้ของสามีจากการรับจ้างก่อสร้าง มาเจือจุนครอบครัวของตนและส่งเสียให้กับคุณตาคุณยายในต่างจังหวัด เมื่อทราบว่าบุตรชายเป็นหนึ่งในนักเรียนที่จะได้รับทุนการศึกษาจากฉือจี้ จึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่เยาวลักษณ์กล่าวว่า “แม่รู้สึกดีใจมากค่ะ เพราะลูกชายไม่เคยได้รับทุนการศึกษา ซึ่งคุณแม่จะนำทุนที่ได้รับนี้ เอาไว้ให้ลูกใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมค่ะ”
ในช่วงบ่าย อาสาสมัครฉือจี้ยังได้เชิญคณะครูและนักเรียนจิตอาสา โรงเรียนราชดำริ มาร่วมงานขอบพระคุณ พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ที่เข้าร่วมการแสดงภาษามือประกอบพระสูตร “กตัญญุตากตเวทิตาสูตร” ภายในกิจกรรมทุกคนต่างก็พูดคุยและแบ่งปันความรู้สึกอย่างเป็นกันเอง อาสาสมัครฉือจี้ยังหวังอีกว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความดีที่ได้หว่านเพาะลงในจิตใจของทุกคนในวันนี้ จะผลิใบอ่อนเป็นต้นกล้า และเติบโตขึ้นเป็นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงากับสังคม หวังให้ทุกคนยื่นสองมือของตนออกมา ร่วมทำความดี เสียสละเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ร่วมกันสร้างวัฏจักรแห่งความรักและความดีให้คงอยู่สืบไปตราบนานเท่านาน
▲ในงานสำนึกคุณ อาสาสมัครฉือจี้ คุณนฤมล คุณธร บริการเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับเด็กๆ นักเรียนอย่างเป็นกันเอง
▲ทุกคนรับประทานอาหารว่างไปพร้อมกับรับชมวีดีทัศน์ประมวลภาพกิจกรรมย้อนหลัง
▲คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ มอบเกียรติบัตรให้กับนักเรียนและคุณครูที่มาร่วมกิจกรรมจิตอาสากับฉือจี้
▲ก่อนกิจกรรมเสร็จสิ้นลง อาสาสมัครฉือจี้นำนักเรียนและคุณครูร่วมกันแสดงภาษามือประกอบเพลง "ใบหน้าที่มีความสุข"
เรื่อง คุณบุษรา สมบัติ ภาพ คุณบุษรา สมบัติ, คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี