ยากแบกรับภาระค่ารักษา รักษาพยาบาลฟรีฉือจี้สงเคราะห์ผู้ลี้ภัย
เริ่มต้นปีใหม่ อาสาสมัครฉือจี้ในประเทศไทย ต่างร่วมแรงร่วมใจ จัดกิจกรรมบริการชุมชนรักษาพยาบาลฟรีขึ้น ณ สถานธรรมจิ้งซืออย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง แม้วันนี้อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว นำความหนาวเหน็บมาให้ ทว่าด้วยความเอาใจใส่ของทั้งชาวฉือจี้ คณะอาจารย์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวันและบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ผู้เข้ารับบริการซึ่งส่วนใหญ่เป็นพี่น้องผู้ลี้ภัย ต่างสัมผัสได้ถึงความรักและความอบอุ่น
▲นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน อาศัยรูปภาพเพื่อสอนเด็กๆ ให้แปรงฟันอย่างถูกวิธี
ถ่ายทอดความรู้ด้านสุขลักษณะ ฟันฝ่าอุปสรรคด้านภาษาอย่างกล้าหาญ
ณ มุมหนึ่งของเต็นท์สีข้าวด้านหลังสถานธรรมจิ้งซือ เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงเพลงอันครึกครื้นและเสียงหัวเราะแห่งความสุข โดยเหล่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน กำลังนำเด็กๆ ร้องเล่นเต้นประกอบเพลงอย่างสนุกสนาน ทำให้พวกเขาลืมเลือนความเจ็บป่วยของร่างกายไปชั่วคราว ด้านผู้ปกครองที่กำลังรอพบแพทย์ ก็ไม่ต้องกังวลห่วงลูกหลาน เพราะมีเยาวชนกลุ่มนี้ช่วยดูแลให้อย่างใกล้ชิด
จี้เพ่ยโหรว นักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ เล่าว่า พวกเขาเริ่มวางแผนการทำงานในวันนี้ ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากไต้หวัน และเนื่องจากคำนึงถึงอุปสรรคทางด้านภาษา ดังนั้นจึงต้องตั้งใจเรียนภาษามือ ภาษาท่าทาง รวมถึงการวาดภาพประกอบ เพื่อจะถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อมาสัมผัสเด็กๆ ด้วยตัวเอง กลับพบว่า ภาษา เชื้อชาติหรือสีผิวที่แตกต่างกัน ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสื่อสารเลย นอกจากนี้ ในระหว่างที่บริการผู้อื่น กลับรู้สึกว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือตนเอง เพราะเมื่อเห็นความทุกข์ของผู้อื่น ก็ยิ่งได้ตระหนักว่าตนเองโชคดีมากเพียงใด จึงต้องรู้บุญ ถนอมบุญและหมั่นสร้างบุญต่อไป
จี้เพ่ยโหรวกล่าวว่า “ผู้ปกครองของเด็กๆ เล่าให้ฉันฟังว่า ด้วยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและศาสนาในประเทศ ทำให้พวกเขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของตนเองได้อีกต่อไป จึงหนีมายังเมืองไทย ชีวิตในกรุงเทพฯ ก็ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม แม้กระทั่งการออกไปหาซื้อกับข้าวในแต่ละมื้อ ก็เต็มไปด้วยความอกสั่นขวัญแขวน เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเหล่าผู้ลี้ภัย เราก็รู้สึกว่าพวกเขายากลำบากมาก ทว่าสำหรับพวกเขาเอง การที่ยังมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นความโชคดีอันใหญ่หลวง เมื่อฉันได้ยินแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตเราโชคดีจัง”
▲เมื่อบุตรชายของคุณยัสซินเดินทางมาถึงสถานที่จัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี ก็รีบเข้ามาร่วมเล่น เต้น ร้อง ณ มุมการเรียนรู้สำหรับเด็กในทันที
ในทุกส่วนงาน จะเห็นภาพความทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานอยู่เบื้องหลัง ของทั้งอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ที่เป็นกำลังสนับสนุนสำคัญ รวมถึงการรณรงค์สุขลักษณะเชิงรุก ด้วยการเดินเข้าไปอธิบายวิธีการล้างมือและแปรงฟันที่ถูกต้องถึงหน้าเด็กๆ ด้วยตัวเอง หวงฉีเหวิน นักศึกษา มหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวันบอกเล่าถึงความรู้สึกและความประทับใจในวันนี้ว่า “เนื่องจากการสื่อสารด้วยภาษาพูดค่อนข้างติดขัด ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงพยายามใช้ภาษาอังกฤษง่ายๆ และท่าทางประกอบต่างๆ เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่เราต้องการสื่อ ซึ่งเราสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการพยายามทำท่าทางตามที่เราบอก หรือการที่บรรดาผู้ปกครองพยายามช่วยแปลสิ่งที่พวกเราพูดเป็นภาษาที่ลูกๆ ของพวกเขาเข้าใจ เพื่อจะได้มีความรู้ด้านสุขลักษณะที่ถูกต้องค่ะ”
ยากแบกรับภาระค่ารักษา รักษาพยาบาลฟรีฉือจี้สงเคราะห์ผู้ลี้ภัย
คุณยัสซิน ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอัฟกานิสถาน หลังจากเดินทางมาถึงไทยได้เพียงสองเดือน สมาชิกครอบครัวทั้ง 8 คน รวมถึงตัวเขาเองก็ต้องอยู่ในห้องกักขังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนานถึง 9 เดือน จึงได้รับการอนุเคราะห์จากหน่วยงานในพื้นที่ ช่วยประกันตัวสมาชิกในครอบครัวรวม 6 คนออกมาเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทว่าก็ยังมีบุตรชายอีกสองคนที่ยังอยู่ในห้องกักขัง
▲ภรรยาของคุณยัสซิน (คนที่ 2 จากซ้าย) และบุตรชายต่างรอพบแพทย์ ตรงหน้าห้องตรวจ
เด็กชายตัวน้อยซึ่งสวมเสื้อยืดลายเดียวกัน หากมองดูเผินๆ ราวกับพี่น้องฝาแฝด เป็นภาพอันแสนสะดุดตา เมื่อได้รับบัตรคิว พวกเขาก็รีบเข้ามาร่วมเล่น เต้น ร้อง ณ มุมการเรียนรู้สำหรับเด็กในทันที โดยทั้งคู่เป็นล้วนเป็นบุตรชายของคุณยัสซิน
คุณยัสซินเล่าว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนเขารู้สึกเจ็บตา จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทั่วไป โดยในครั้งนั้น เขาต้องเสียค่ารักษาไปถึง 800 บาท เพื่อแลกกับยาเพียงเล็กน้อย แม้เงินจำนวนนี้อาจจะไม่มากในสายตาคนอื่น แต่สำหรับคุณยัส ซินและครอบครัว ที่ไม่สามารถทำงานเพื่อหารายได้มาจุนเจือรายให้กับครอบครัว ถือเป็นภาระอันใหญ่หลวงที่ยากจะแบกรับ จนกระทั่งทราบว่าฉือจี้มีการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ บริการตรวจรักษาโรคฟรี วันนี้คุณยัสซินจึงได้พาภรรยาและบุตรชายอีก 4 คน รวม 6 คน มาพบแพทย์พร้อมกัน คุณยัสซินกล่าวว่า “ผมขอขอบคุณอย่างยิ่ง เพราะวันนี้ผมได้รับบริการด้วยความเคารพ ได้พบคุณหมอ ซึ่งก็ดูแลรักษาผมดีมากๆ ถามอาการป่วยของผมด้วยความเอาใจใส่ อีกทั้งสั่งยาให้ผม โดยทุกอย่างนี้ ผมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย ขอบคุณทุกคนมากครับ”
จากวันนี้เป็นต้นไป ผลจากความกดอากาศสูงทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างก
ะทันหัน ทว่าท่ามกลางความหนาวเหน็บ กลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากความรักและความห่วงใยของคณะแพทย์พยาบาลและอาสาสมัครฉือจี้ ทุกคนต่างทุ่มเทกำลังความสามารถ เพื่อดูแลสุขภาพของพี่น้องผู้ลี้ภัยเกือบ 500 คน
▲ขอขอบพระคุณอาสาสมัครและแพทย์พยาบาลทุกท่าน ที่ช่วยดูแลสุขภาพให้กับครอบครัวของคุณยัสซิน(คนที่สวมหมวกสีดำ)
เรื่อง บุษรา สมบัติ 
ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี , บุษรา สมบัติ
