ค้นหาข่าว

ฉือจี้เยี่ยมเยียนและมอบเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เรือโดยสารระเบิด

 20160310-31-bylek resize

 

ความรักอันยิ่งใหญ่ จะคงอยู่เสมอ

 

จากเหตุการณ์เรือโดยสารระเบิด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยและอาสาสมัครฉือจี้ จึงรีบติดต่อประสานงานไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ที่ผู้บาดเจ็บเข้าพักรักษาตัว จนกระทั่งได้รับอนุญาตจากทางโรงพยาบาลเพชรเวช ให้เข้าเยี่ยมเยียนดูแลผู้บาดเจ็บ 4 ราย และปลอบโยนให้กำลังใจแก่ญาติมิตร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม ชาวฉือจี้ก็ยังคงติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย พร้อมทั้งติดต่อประสานงานไปทางโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อขออนุญาตเข้าเยี่ยมเยียนดูแลผู้ป่วย จนกระทั่งวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล โชคชัย 4 ได้แจ้งว่า อาการของผู้บาดเจ็บดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ช่วงเช้าวันที่ 10 มีนาคม อาสาสมัครฉือจี้จึงรีบเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ณ โรงพยาบาลดังกล่าว

 

20160310-02-bylek resize

▲อาสาสมัครฉือจี้เดินทางไปเยี่ยมเยียนดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เรือโดยสารระเบิด คุณสายปัญญาพี่น้องชาวลาวขอบพระคุณความรักอันยิ่งใหญ่ของฉือจี้ 


เมื่อพบกับผู้บาดเจ็บ อาสาสมัครฉือจี้ คุณจิ้นหรงกัง จึงรีบแนะนำตนเองก่อนว่า “เราเป็นจิตอาสามาจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ อาทิตย์ที่แล้ว เราทราบข่าวว่ามีเหตุการณ์เรือโดยสารระเบิด เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาเราจึงได้รีบมาเยี่ยม แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า คนไข้ไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม วันนี้เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว เราจึงได้มาอีกครั้ง โดยนำจดหมายแสดงความห่วงใยจากท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน หนังสือวาทะจิ้งซือ 109 ประโยค เงินช่วยเหลือ รายละ 3,000 บาท มาร่วมอวยพรให้ทุกท่านอาการดีขึ้นในเร็ววัน”

 

20160310-04-bylek resize

▲อาสาสมัครฉือจี้นำจดหมายแสดงความห่วงใยจากท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน พวงกุญแจแทนความห่วงใย หนังสือวาทะจิ้งซือ 109 ประโยค เงินช่วยเหลือ รายละ 3,000 บาท มาร่วมอวยพรให้ทุกท่านอาการดีขึ้นในเร็ววัน” 

 

ความรักอันยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน แม้ต่างสัญชาติแต่เราคือ “ครอบครัวเดียวกัน”
คุณสายปัญญา อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นชาวลาว เดินทางมาท่องเที่ยวและซื้อของจากประเทศไทยไปขายที่บ้านเกิด โดยได้เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และพักอาศัยอยู่กับญาติในย่านรามคำแหง วันที่เกิดเหตุกำลังเดินทางไปซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ เพื่อจะนำกลับไปขายที่ลาว เมื่อก้าวขึ้นเรือได้ประมาณ 5 นาที ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บโดนไฟลวกที่ใบหน้าและด้านในของเปลือกตา ต้องพักรักษาตัวนานพอสมควร เดิมทีคุณสายปัญญาได้โทรศัพท์กลับไปหาแม่ที่บ้านเกิด บอกว่ากำลังจะเดินทางกลับ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงยังกลับไม่ได้ เมื่อเอ่ยถึงคุณแม่ อาสาสมัครฉือจี้เห็นว่าคุณสายปัญญารู้สึกเศร้าสร้อย เหมือนจะน้ำตาปริ่ม จึงรีบปลอบโยนและให้กำลังใจ โดยขอให้พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง แม้จะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่ผู้คนในสังคมไทยก็ยังห่วงใยเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ขอให้ดูแลตนเองให้ดี เพื่อให้อาการบาดเจ็บหายดีเร็วที่สุด หากทำได้ดังนี้ คุณแม่ซึ่งอยู่ที่ลาวก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

 

20160310-14-bylek resize

▲ผู้บาดเจ็บ ชาวญี่ปุ่น คุณยะสุดะ วัย 16 ปี กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความโชคดีในความโชคร้าย และทำให้เขาเรียนรู้ที่จะถนอมชีวิตมากยิ่งขึ้น 


ผู้บาดเจ็บคนที่ 2 คือ ชาวญี่ปุ่น คุณยะสุดะ วัย 16 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนทั้ง 2 ข้าง และได้รับบาดเจ็บที่ขาค่อนข้างหนัก โดยวันที่ชาวฉือจี้ไปเยี่ยม เนื่องจากครอบครัวของเขาต่างก็มีธุระ จึงไม่ได้พบญาติของเขา คุณยะสุดะเล่าว่า ตนเองเดินทางตามครอบครัวมาอาศัยที่ไทยนานกว่า 10 ปีแล้ว ตอนนี้กำลังเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง

 

20160310-44-bylek resize

▲ขออวยพรให้คุณเอกวัฒน์ หายจากอาการบาดเจ็บในเร็ววัน

 

ประจักษ์ความรักอันยิ่งใหญ่
ผู้บาดเจ็บคนที่ 3 คือ คุณวีรพงศ์ วัย 25 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 ข้าง และมีแผลลึกที่ก้นกบ ทำให้เวลาเดินค่อนข้างลำบาก โดยคุณวีรพงศ์มีบ้านพักอาศัยอยู่แถวบางกะปิ เพิ่งเปลี่ยนไปทำงานเป็นพ่อครัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งได้เพียง 2 เดือน ทุกวันจึงต้องโดยสารเรือไปทำงาน แม้จะประสบกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น และเชื่อมั่นว่าต้นเหตุของปัญหาจะได้รับการแก้ไขแล้ว ทำให้ยังคงมีกำลังใจดีอยู่ และสามารถกลับไปโดยสารเรือได้ตามปกติ
ตลอดการเยี่ยมเยียนดูแลผู้บาดเจ็บ ในโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล โชคชัย 4 ขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ คุณกมลชนก พึ่งคำ ที่คอยช่วยนำทางและเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บด้วยทุกคน คุณกมลชนก แบ่งปันความรู้สึกในวันนี้ว่า “รู้สึกยินดีที่ทางมูลนิธิเล็งเห็นความสำคัญของผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บ ในฐานะเราเป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงรู้สึกดีใจและขอบพระคุณแทนผู้ประสบภัย” อาสาสมัครฉือจี้จึงมอบพวงกุญแจที่เขียนว่า “เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา” ให้กับคุณกมลชนกเป็นที่ระลึกและผูกบุญสัมพันธ์ ขอบพระคุณในร่วมการเสียสละเพื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

 

20160310-38-bylek resize

▲อาสาสมัครฉือจี้มอบพวงกุญแจที่เขียนว่า “เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา” ให้กับคุณกมลชนก เพื่อเป็นที่ระลึกและผูกบุญสัมพันธ์ ขอบพระคุณในร่วมการเสียสละเพื่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ


จากนั้น อาสาสมัครฉือจี้จึงได้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อเยี่ยมเยียนคุณเอกวัฒน์ ซึ่งทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และโดยสารเรือไปทำงานเป็นกิจวัตร วันที่เกิดเหตุ เขาได้เดินทางไปทำงานตามปกติ เมื่อมีเสียงดังขึ้น เขาซึ่งยืนอยู่ใกล้ถังแก๊ส จึงได้แหงนหน้าขึ้นมาตามต้นเสียง เป็นจังหวะที่ถังแก๊สระเบิดพอดี ทำให้ใบหน้าถูกไฟลวก แต่โชคดีที่ปิดตาได้ทัน ทำให้ดวงตาไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงใบหน้าและขาขวา ที่โดนไฟลวกไปประมาณ 80 % หลังเกิดเหตุเขาถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ต่อมา ทางบริษัทได้ดำเนินการให้ย้ายมารับการรักษากับหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลกรุงเทพ


เหตุการ์ณที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้า ทว่าขอให้ทุกคนใช้จิตใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน อวยพรให้แก่ผู้บาดเจ็บทุกคน หายเป็นปกติได้ในเร็ววัน อาสาสมัครฉือจี้ยินดียืนหยัดอยู่เคียงข้าง เพื่อให้ผู้บาดเจ็บและญาติมิตรผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้

 


   เรื่อง พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี    ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี