รักษาพยาบาลฟรีฉือจี้ บริการทางการแพทย์อย่างเท่าเทียม
ทุกคนคือ “ฟันเฟือง” ที่สำคัญ
จากการมอบหนังสือ “จิ้งซืออวี่” (วาทะจิ้งซือ) ให้กับโรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพมหานคร เมื่อปลายปี พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา ทำให้อาสาสมัครฉือจี้มีโอกาสได้ผูกบุญสัมพันธ์กับ คุณภูมิ บุณยะวุฒกุล ซึ่งขณะนั้นเป็นหนึ่งในบุคลากรของโรงแรม ต่อมาภายหลังได้ทราบว่า ทุกวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือน อาสาสมัครฉือจี้ในประเทศไทย จะจัดกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ทำให้คุณภูมิ นอกจากจะยินดีอุทิศแรงกายแรงใจ มาร่วมเป็นจิตอาสาในกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ยังได้ชักชวนเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์ให้มาทำงานเสียสละร่วมกันอีกด้วย
เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่จัดกิจกรรม เพื่อนผู้เป็นแพทย์ก็รีบเข้าประจำตำแหน่งในห้องตรวจรักษา คุณภูมิซึ่งสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วก็ใช้ทักษะของตน คอยอาสาช่วยงานตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจุดใดต้องการกำลังเสริมก็ยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง คุณภูมิกล่าวว่า “เราเองสามารถเป็นฟันเฟืองในระบบนี้ได้ ไม่ว่าเราจะมีความสามารถด้านไหน ไม่ว่าจะเป็นการแค่การจัดคิว หรือการลงทะเบียนผู้ป่วย เพราะจะช่วยทำให้งานทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ”
▲ทุกคนคือฟันเฟืองสำคัญของระบบ คุณภูมิ บุณยะวุฒกุล กำลังช่วยงานลงทะเบียนผู้เบียนผู้ป่วยหน้าห้องตรวจ
ปกติในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณภูมิซึ่งมักจะเลือกเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อใช้เวลากับครอบครัว ทว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา คุณภูมิกลับเลือกที่จะใช้เวลาในวันหยุดมาอยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวฉือจี้ เพื่อมอบความห่วงใยให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคมไทย โดยไม่แบ่งแยกสัญชาติหรือศาสนา ร่วมบริการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในกรุงเทพมหานคร คุณภูมิกล่าวว่า “เมื่อทางบ้านทราบว่าเรามาทำอะไร ทุกคนก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีครับ นอกจากนี้ โดยส่วนตัว เราก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการเสียสละเวลานะครับ เพราะเมื่อเรามาที่นี่ เราก็ได้มาทำอะไรเพื่อคนอื่น แล้วเราก็ได้รับความสุขกลับไป” ด้วยเหตุนี้เอง คุณภูมิจึงตัดสินใจอุทิศเวลา ในทุกวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือน เพื่อมาร่วมมอบความสุขให้แก่ผู้อื่นร่วมกับครอบครัวฉือจี้
ความรักอันยิ่งใหญ่อย่างเท่าเทียม มอบแด่ผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกผู้คน
แม้จะมีผู้มารอรับบริการตรวจรักษาจำนวนมาก ทว่า พญ.อรณิชา ศรีวนิชย์ ยังคงตั้งใจรับฟังการบอกเล่าอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยทุกคนด้วยความอ่อนโยน จากการมาร่วมออกหน่วย เป็นแพทย์อาสากับฉือจี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งการก่อสร้างสถานธรรมจิ้งซือยังไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่งวันนี้มีสถานที่อันงามสง่า พญ.อรณิชาได้มาร่วมออกหน่วยกับฉือจี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว
วันนี้ พญ.อรณิชา ได้เริ่มตรวจรักษาผู้ป่วยคนแรกตั้งแต่เวลาก่อน 9.00 น. จนถึงผู้ป่วยคนสุดท้ายในเวลา 15.00 น. โดยพยายามใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า ประจำตำแหน่งอยู่ในห้องตรวจแทบจะตลอดเวลา แม้กระทั่งไม่กล้าจะดื่มน้ำมากเกินไป ทั้งนี้เพื่อจะได้ประหยัดเวลาในการเข้าห้องน้ำ ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ที่ก้าวข้ามขอบเขตของเชื้อชาติและศาสนาของ “คุณหมอผู้ประเสริฐ” อย่างแท้จริง พญ.อรณิชา ศรีวนิชย์ กล่าวว่า “ทุกคนมีสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันตามหลักจรรยาบรรณของแพทย์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือว่าจะเป็นคนไทย ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์เข้าถึงการรักษาที่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม เราก็อยากจะช่วยดูแลพวกเขาด้วยค่ะ”
▲แม้จะเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ทว่า นพ.ภารุจ รัตนสิทธา ยังคงช่วยงานเก็บเก้าอี้ด้วยความกระตือรือร้น
เหนื่อยมากขึ้น แต่ “สุข” มากมาย
นพ.ภารุจ รัตนสิทธา หนึ่งในแพทย์อาสา จากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความมุ่งมั่นอีกท่านหนึ่ง นพ.ภารุจ แบ่งปันว่า มาร่วมกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่งทุกครั้ง นพ.ภารุจจะพยายามมาถึงแต่เช้า เพื่อให้ผู้ลี้ภัยซึ่งจำต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลเหล่านี้ สามารถรับการตรวจได้เร็วที่สุด ในระหว่างตรวจรักษา แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคกับความหลากหลายทางด้านภาษา และผู้ป่วยจำนวนมาก ทว่า นพ.ภารุจยังปฏิบัติต่อผู้มารับบริการรักษาด้วยความสุภาพ
เมื่อการตรวจรักษาแล้วเสร็จแล้ว นพ.ภารุจ ยังช่วยยกเก้าอี้ไปเก็บด้วยความอ่อนน้อม โดยไม่คำนึงว่าตนเป็นแพทย์ และทำการตรวจรักษามาอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันแล้ว แม้จะชาวฉือจี้จะคอยห้ามด้วยความเกรงใจ แต่ นพ.ภารุจก็ยังคงช่วยเหลือด้วยความยินดี “ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือบุคคลทั่วไป การมีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่น เป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างก็มีเหมือนกันครับ” นพ.ภารุจ รัตนสิทธา แบ่งปัน
เรื่อง บุษรา สมบัติ , ดรรชนี สุระเทพ 
ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี , บุษรา สมบัติ , ดรรชนี สุระเทพ
