“โรคภัยไข้เจ็บ” นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดทางกายแล้ว ผู้ป่วยยังต้องเผชิญกับความทุกข์ยากอีกหลายประการ โดยเฉพาะเมื่ออาการของโรค ส่งผลกระทบกับรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งคงไม่มีใครอยากเป็น แม้อาการจะไม่หนักหนา ทว่ากลับสร้างความทุกข์ระทมทางจิตใจ หนักหนายิ่งกว่าอาการโรคทางกาย
1
คุณยายผู้โดดเดี่ยว ทุกข์เพราะโรคภัย
คุณยายลำพึงในวัย 73 ปี นอกจากต้องทนทุกข์กับอาการคันคะเยอตามร่างกาย เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินมานานหลายสิบปี ขณะเดียวกันก็ยังต้องแบกรับกับความทุกข์ทางใจ จากคนใกล้ชิดรอบกายที่กลัวจะติดโรคจากตนเอง ทุกวันคุณยายจึงได้แต่ยังชีพด้วยอาหารวันละสองมื้อ ที่หลานสาวซึ่งอาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงนำมาให้ และน้องสาวที่เดินเหินไม่สะดวก แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนบ้างบางครั้งบางคราว
ความทุกข์ทรมานที่เผชิญมานานต่อเนื่อง ทำให้บางครั้งคุณยายโหวกเหวกโวยวายด้วยการคิดไปเองว่า มีคนเอาปลวกมาปล่อยไว้ที่ตัวทำให้รู้สึกคันตลอดเวลา นอกจากนี้ เนื่องจากดวงตาอักเสบ ทำให้คุณยายสูญเสียการมองเห็น การจะรักษาให้กลับมาดังเดิมก็เป็นไปได้ยาก ด้วยโรคภัยที่รุมเร้า สายตาที่เลือนลาง ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก ทว่าคุณยายยังคงพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ด้วยการใช้สองมือค่อยๆ คลำทางเพื่อไปอาบน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง
ชั้นเรียนอบรมจิตอาสาฉือจี้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จิตอาสาฉือจี้นำผู้เข้าอบรมไปร่วมดูแลคุณยายลำพึง
ชั้นเรียนอบรมจิตอาสาฉือจี้ในพื้นที่จังหวัดพระนครคุณยายลำพึง เป็นหนึ่งในครอบครัวที่จิตอาสาฉือจี้ให้การช่วยเหลือดูแลระยะยาว เมื่อต้นปี พ.ศ.2562 จากการจัดอบรมจิตอาสาฉือจี้ในพื้นที่ ทำให้ชาวฉือจี้มีโอกาสนำผู้รับการอบรม เดินทางไปเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือดูแลคุณยายด้วยการอาบน้ำ และทำความสะอาดที่พักอาศัย พร้อมทั้งประสานขอความช่วยเหลือในการส่งคุณยายไปพบหมอ เพื่อรับการรักษา ทว่าด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้คุณยายไม่สามารถรับการรักษาได้ จนถึงต้นปี พ.ศ.2563 เมื่อจิตอาสาฉือจี้เดินทางไปเยี่ยมคุณยายอีกครั้ง ก็พบว่าดวงตาของท่านอักเสบจนมองไม่เห็น อีกทั้งแผลจากการเกาเพราะโรคสะเก็ดเงินก็มีเลือดไหลซึมออกมาจนเริ่มส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ดังนั้น จิตอาสาฉือจี้จึงตัดสินใจพาคุณยายไปพบหมอ เพื่อรับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง พร้อมทั้งชักชวนผู้ที่เข้ารับการอบรม ให้มาร่วมเรียนรู้การทำงาน บ่มเพาะจิตวิญญาณ “เห็นทุกข์ เข้าใจสุข” ของตนเอง
จิตอาสาร่วมแรงร่วมใจกัน ทำความสะอาดที่พักอาศัยให้กับคุณยายลำพึง
2
จิตอาสาฉือจี้เคียงข้าง คุณยายพบ 4 แพทย์ในหนึ่งวัน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 9.00 น. คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ ประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย พร้อมทั้งจิตอาสาฉือจี้ท่านอื่นๆ และผู้เข้ารับการอบรมกรรมการฉือจี้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางพาคุณยายลำพึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพระนครศรี อยุธยา จิตอาสาฉือจี้ คุณจารุวรรณ หีบท่าไม้ ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพ ได้ช่วยประสานกับจิตอาสาในพื้นที่ เพื่อแจ้งให้คุณยายทราบล่วงหน้า ดังนั้น เมื่อเดินทางไปถึงบ้านของคุณยาย จึงพบว่าท่านแต่งตัวรอท่า พร้อมออกเดินทางอยู่แล้ว ก่อนที่จิตอาสาฉือจี้จะพาท่านเดินทางเป็นระยะเวลาประมาณ 40 นาทีจึงถึงจุดหมายปลายทาง
เมื่อจิตอาสาเดินทางไปถึงบ้านของคุณยาย พบว่าท่านแต่งตัวพร้อมออกเดินทาง รอการมาถึงของชาวฉือจี้ เพื่อไปพบหมอที่โรงพยาบาล
เนื่องจากคุณยายลำพึงเดินเหินไม่สะดวก การเดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก จิตอาสาฉือจี้จึงช่วยติดต่อประสานงาน ให้ท่านได้เข้ารับการตรวจรักษาถึง 4 ประเภทภายในวันเดียว ประกอบด้วย แพทย์ผิวหนังด้านสะเก็ดเงิน แพทย์อายุรกรรมเพื่อดูแลแผลตามร่างกาย จักษุแพทย์เพื่อตรวจรักษาตา และจิตแพทย์เพื่อบรรเทาสภาพจิตใจของคุณยาย ที่ระแวงว่ามีคนนำปลวกมาปล่อยไว้ตามร่างกาย ระหว่างรอรับการตรวจ จิตอาสาฉือจี้ก็คอยลูบผิวหนังให้คุณยายเพื่อช่วยคลายความคันคะเยอที่รบกวนท่านตลอดเวลา ทำให้คุณยายรู้สึกผ่อนคลาย และวางความวิตกกังวลลง
ระหว่างการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล จิตอาสาฉือจี้เคียงข้างดูแลคุณยายด้วยความเอาใจใส่ตลอดเวลา
ระหว่างรับการรักษา แม้ต้องพานพบบททดสอบนานัปการ ทว่าเนื่องจากคุณยายมีความไว้วางใจในจิตอาสาฉือจี้ ทำให้ท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างการเจาะเลือด ซึ่งสำหรับคนอื่นอาจจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ทว่าเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับคุณยาย โดย จิตอาสาฉือจี้ คุณเฉินอวี่หง ซึ่งเคียงข้างคุณยายในการเจาะเลือด บอกเล่าถึงความรู้สึกของตนเอง เมื่อเห็นคุณยายต้องถูกเจาะเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความห่วงใยว่า “ตอนเจาะเลือด เนื่องจากผิวหนังคุณยายจะแข็งๆ ทำให้หาเส้นเลือดยากมาก ดังนั้น จึงต้องเจาะทั้งหน้าแขนซ้ายขวาและหลังมือซ้ายขวา หาเส้นเลือดอยู่นานมาก เจาะเข้าไปแล้วก็ต้องดึงออกมา ฉันสวดมนต์อยู่ในใจตลอดเวลา ขอให้เจาะเลือดให้สำเร็จโดยไว เพื่อจะได้มาหาสาเหตุอาการป่วยของคุณยาย จนเมื่อเจาะเลือดได้สำเร็จ ฉันจึงค่อยวางใจค่ะ”
3
จิตอาสาเคียงข้าง คลายความวิตกให้คุณยาย
จิตอาสาเคียงข้าง คลายความวิตกให้คุณเมื่อถึงเวลาเที่ยง จิตอาสาฉือจี้ก็ป้อนอาหารให้คุณยายด้วยความเอาใจใส่ แม้การป้อนอาหารดูจะเป็นงานที่ไม่ยากเย็น แต่กลับแฝงไว้ด้วยความทุ่มเทและตั้งใจอย่างมาก จิตอาสาฉือจี้ คุณกมลรัตน์ แซ่กัว กล่าวว่า “ฉันพยายามคิดหาวิธีการ เพื่อป้อนอาหารให้กับคุณยาย เนื่องจากกลัวท่านจะสำลัก ดังนั้น จึงต้องพยายามตัดอาหารแต่ละคำให้เล็กที่สุดค่ะ” ความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน ทำให้คุณยายสามารถรับประทานอาหารให้อิ่มท้องได้อย่างราบรื่น
หลังจากตรวจรักษาแล้วเสร็จ แม้คุณยายจะเหนื่อยล้า ทว่าก็ยังคงยิ้มให้กับจิตอาสา พร้อมทั้งบอกว่า “ขอบคุณหมอไต้หวัน เมื่อก่อนไม่มีใครจับตัวฉันเลย” จิตอาสาฉือจี้ คุณจารุวรรณ หีบท่าไม้ กล่าวว่า “เมื่อฉันถามคุณยายว่า คุณยายได้ตรวจตาแล้ว ดูเรื่องแผลแล้ว คุณยายรู้สึกอย่างไรคะ คุณยายบอกว่าดีใจ ดีใจที่หมอฉือจี้ หมอไต้หวันจับเนื้อต้องตัว แล้วก็ดูแลรักษาพามาตรวจโรค” ด้วยความเอาใจใส่ตลอดทั้งวัน ทำให้คุณยายเข้าใจผิดว่า จิตอาสาฉือจี้ คือ คุณหมอผู้ช่วยคลายทุกข์จากโรคภัย
จิตอาสาฉือจี้ คุณจารุวรรณ หีบท่าไม้ ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพ ยังได้พยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอย่างถูกต้องอีกด้วยว่า “โรคสะเก็ดเงิน” ไม่ใช่โรคติดต่อ นอกจากนี้ ยังช่วยติดต่อประสานว่าจ้างเพื่อนบ้าน เพื่อให้มาช่วยอาบน้ำ ป้อนยาและทายา ให้คุณยายเป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน จิตอาสาในพื้นที่ซึ่งติดตามชาวฉือจี้ พาคุณยายไปหาหมอในครั้งนี้ ก็ซาบซึ้งใจในการเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน จึงอาสามาช่วยรับยาให้กับคุณยายอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เมื่อต้องจากกัน คุณยายออกมานั่งส่งทุกคนที่หน้าประตูบ้าน จิตอาสาฉือจี้อาศัยบทเพลง “ครอบครัวเดียวกัน” เพื่ออวยพรให้กับท่าน ต่างฝ่ายต่างก็อาลัยอาวรณ์ซึ่งกันและกัน จิตอาสาฉือจี้ คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ กล่าวว่า “หลังจากเราพาคุณยายกลับมาส่งบ้าน ก็เห็นว่าท่านดีใจมาก แม้ร่างกายท่านจะยังคงมีโรคภัย แต่ก็มีรอยยิ้มอันน่ารักสดใสให้กับเรา” เมื่อจิตอาสาถามว่า อยากให้มาเยี่ยมอีกไหม ท่านจึงตอบกลับมาโดยไม่ลังเลเลยว่า “อยากให้พวกคุณเป็นแม่ของฉันเลย”
4
เคียงข้างดูแลอย่างจริงใจ โรคภัยคลี่คลายหายดีขึ้น
จิตอาสาฉือจี้ ช่วยตัดเล็บและอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้กับคุณยายลำพึง
วันที่ 14 มีนาคม ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศเริ่มอบอ้าว จิตอาสาฉือจี้เดินทางมาเยี่ยมเยียนดูแลคุณยายลำพึงอีกครั้ง พร้อมทั้งช่วยตัดผม ตัดเล็บ อาบน้ำ ซักเสื้อผ้าและทำความสะอาดที่พักอาศัย “ลูกๆ ฉือจี้ทำให้ สบายตัวมั้ยคะ" จิตอาสาฉือจี้ คุณจารุวรรณ สอบถามคุณยายลำพึงอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่คุณยายจะหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “สบายมากๆ เลย”
จากการตรวจรักษาของคุณหมอ แม้ดวงตาของคุณยายจะไม่มีโอกาสกลับมามองเห็นได้เป็นปกติอีกแล้ว แต่จิตอาสาฉือจี้หวังว่าอาการโรคสะเก็ดเงินของท่านจะทุเลาลงตามวันเวลา จิตอาสาฉือจี้ คุณจารุวรรณ กล่าวว่า “ผิวหนังของคุณยายดีขึ้นนะคะ วันที่เราพาไปโรงพยาบาลจะเห็นว่า ผิวท่านแตกระแหง แล้วก็มีเลือดซึมตลอด แต่ตอนนี้มีคนคอยช่วยทายาให้ต่อเนื่อง อาการจึงดีขึ้นตามลำดับค่ะ”
จิตอาสาฉือจี้ ช่วยซักเสื้อผ้าให้กับคุณยาย
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอ คุณยายลำพึงบอกว่า ชอบช่วงเวลาที่จิตอาสาฉือจี้มาเยี่ยมเยียน เพราะเต็มไปด้วยความคึกคักและความอบอุ่น แม้จะอาลัยอาวรณ์ที่ต้องจากกันอีกครั้งในวันนี้ ทว่าคุณยายกลับกล่าวลาด้วยบทเพลงที่ขับขานด้วยความสุข พร้อมทั้งอวยพรให้ทุกคนว่า “ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ให้เจ็บให้ไข้ ให้ปลอดภัยนะ”
เรื่อง บุษรา สมบัติ ภาพ รัตนโชติ ประมวลทรัพย์