“ตอนนี้ทุกคนต่างก็เดือดร้อน บ้างก็ไม่มีรายได้ บ้างก็ตกงานเพราะสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 กันอยู่แล้ว เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังมาเจอไฟไหม้บ้านอีก ชาวฉือจี้เราจะนิ่งเฉยได้อย่างไร จึงต้องรีบเข้าไปดูแล ยื่นมือให้ความช่วยเหลือค่ะ” จิตอาสาฉือจี้ คุณจางอิงหม่านกล่าว ขณะที่ติดตามคณะกรรมการชุมชน เดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่ประสบภัยไฟไหม้ ในพื้นที่ชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2563
จิตอาสาฉือจี้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย จากเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนคลองเตย ล็อค1-2-3
คณะกรรมการชุมชน นำจิตอาสาฉือจี้ลงสำรวจพื้นที่และสอบถามความต้องการของผู้ประสบภัย
“ไฟไหม้บ้าน” เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
จากการลงพื้นที่ ทำให้ทราบว่าเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 21 กรกฎาคมนั้น มีสาเหตุจากเจ้าของบ้านต้นเพลิง ได้เผาสายไฟเพื่อเอาทองแดงไปขาย แต่ไม่สามารถควบคุมไฟได้ จนลุกลามไปบริเวณรอบข้าง ซึ่งเป็นห้องแถวค่อนข้างแออัด ทำให้บ้านเรือนเสียหายนับสิบหลังคาเรือน เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ด้านผู้ประสบภัย 25 ครอบครัว ต้องไปเช่าบ้านหรือพักอาศัยกับญาติพี่น้องเป็นการชั่วคราว โดยในปัจจุบันยังขาดแคลนเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ในการดำเนินชีวิต
คุณสุนีย์ หนึ่งในผู้ประสบภัยซึ่งมีสมาชิกครอบครัวในบ้านถึง 6 คน บอกเล่าถึงช่วงที่เกิดเหตุว่า เนื่องจากตนเองอยู่ห่างจากบ้านต้นเพลิงไม่ไกล เมื่อได้ยินผู้คนตะโกนว่า “ไฟไหม้” จึงให้ลูกสาวและลูกเขยรีบหอบหิ้วหลานชายตัวน้อยสองคนออกจากบ้านไปอยู่พื้นที่ปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้ไม่สามารถหยิบฉวยข้าวของอะไรออกมาได้เลย “ฉันออกมาทีหลังเพราะพิการเดินไม่ถนัด เมื่อสามีซึ่งพอดีกลับจากที่ทำงานมาช่วยประคองฉันออกไปนอกตัวบ้านได้ ทีมงานดับเพลิงก็แบกฉันขึ้นหลังออกไปที่ปลอดภัยอีกที เพราะตรงนี้ควันเต็มไปหมด ทำให้หายใจไม่ออก” คุณสุนีย์วัย 65 ปี เล่าว่าอาศัยอยู่ที่นี่มานานถึง 60 ปี เคยโดนไฟไหม้บ้านมาทั้งหมดสามครั้งสามครา แต่เมื่อถามว่าเคยคิดจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นไหม คุณสุนีย์กลับตอบมาว่า ยังคงเลือกที่จะสร้างบ้านใหม่บนที่ดินผืนเดิม เพราะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ถือเป็น “บ้าน” เพียงแห่งเดียวที่ตนเองคุ้นเคย
จิตอาสาฉือจี้มอบของที่ระลึกให้แก่ประธานชุมชน พร้อมอวยพรให้อาการบาดเจ็บทุเลาลงและหายเป็นปกติในเร็ววัน
ด้วยความร่วมมือร่วมใจของเจ้าหน้าที่และประธานชุมชน ทำให้สามารถควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระหว่างการดับเพลิง เนื่องจากต้องนำน้ำจากบ่อน้ำธรรมชาติบริเวณหน้าชุมชนมาใช้ แต่เพราะมีขยะไปติดเครื่องสูบน้ำทำให้มอเตอร์ระเบิด จนประธานชุมชนถูกน้ำร้อนลวกได้รับบาดเจ็บ เมื่อได้เห็นความทุ่มเทของประธานชุมชน จิตอาสาฉือจี้จึงมอบของที่ระลึก พร้อมทั้งอวยพรขอให้อาการทุเลาลงและกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน
เคียงข้างดูแล ช่วยเหลือเยียวยา
เหล่าผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ บ้างก็หาบเร่ค้าขาย บ้างก็เพิ่งจะตกงานเนื่องจากโรคโควิด-19 ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยิ่งยากลำบาก คุณยายสำรวยหนึ่งในผู้ประสบภัยเล่าว่า “เพราะโควิด ทำให้ลูกชายของฉันที่ทำงานแถวท่าเรือคลองเตย ไม่มีงานมานานเป็นสัปดาห์แล้ว แต่ภาระค่าใช้จ่ายรวมถึงค่ายา ค่ารถไปหาหมอของฉันก็ยังคงต้องจ่าย แล้วบ้านยังมาเจอไฟไหม้อีก”
จิตอาสาฉือจี้จัดเตรียมเสื้อผ้ามือสองให้ผู้ประสบภัยมาเลือกหา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
จิตอาสาฉือจี้กล่าวต้อนรับและให้กำลังใจแก่เหล่าผู้ประสบภัย
จิตอาสาฉือจี้อาศัยภาษามือประกอบเพลง "ครอบครัวเดียวกัน" เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย
วันที่ 30 กรกฏาคม จิตอาสาฉือจี้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย 25 ครอบครัว รวม 75 คน ด้วยการมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวละ 3,000 บาท เสื้อผ้ามือสองและถุงยังชีพ ซึ่งภายในบรรจุด้วย ข้าวสารสิบกิโลกรัม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืชสองขวด น้ำตาล เกลือ น้ำผักผลไม้และขนมอบกรอบ นอกจากนี้ จิตอาสาในชุมชน คุณกุหลาบ คุ้มวณิชย์ ยังได้เตรียมหมี่ผัดและน้ำหวานมาบริการให้ทุกคนได้อิ่มท้อง เติมเรี่ยวแรงเพื่อกลับมายืนหยัดอย่างเข้มแข็ง และก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ต่อไป
จิตอาสาฉือจี้ คุณหวงเหลียนเจิน ให้กำลังใจทุกคนว่า “วันนี้แม้ตัวบ้านจะถูกไฟไหม้จนเสียหาย แต่ขอบคุณที่ทุกคนยังมีชีวิตรอดปลอดภัย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเข้มแข็ง และดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความกล้าหาญค่ะ”
คุณยายประมวล ซึ่งยังชีพด้วยรถเข็นหาบเร่ขายขนมครก ตั้งแต่เกิดเพลิงไหม้จนถึงวันนี้ ยังคงคิดมากจนไม่อยากออกไปทำมาค้าขาย วันนี้เมื่อได้รับกำลังใจ จึงพูดด้วยเสียงสะอื้นที่เปี่ยมด้วยความตื้นตันว่า “วันนี้ได้รับสิ่งของเยอะมาก ทั้งข้าวสารทั้งน้ำมัน มีครบถ้วนเลย ช่วยฉันได้มาก ดังนั้น ฉันจะกลับไปสู้ต่อค่ะ”
จิตอาสาฉือจี้มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบครัวละ 3,000 บาท
จิตอาสาฉือจี้มอบถุงยังชีพ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใยแก่ผู้ประสบภัย
จิตอาสาในชุมชน คุณกุหลาบ คุ้มวณิชย์ (คนแรกจากซ้าย) เตรียมอาหารและเครื่องดื่มมาให้บริการแก่ผู้ประสบภัย
ระหว่างการมอบสิ่งของ จิตอาสาฉือจี้ชักชวนทุกคนร่วม “เติมบุญ” ด้วยการบริจาคตามกำลังและจิตศรัทธา หวังให้ความสุขจากการทำบุญร่วมแบ่งปันในวันนี้ เป็นพลังใจให้เหล่าผู้ประสบภัย ได้เห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของของตนเอง แม้จะอยู่ในสภาวะยากลำบาก แต่ในขณะที่ตนเองเป็น “ผู้รับ” ก็ยังมีศักยภาพเป็น “ผู้ให้” ได้เสมอ
เหล่าผู้ประสบภัยต่างร่วมเติมบุญ ด้วยการบริจาคตามกำลังจิตศรัทธาของตนเอง
เรื่อง จางอิงหม่าน แปลและเรียบเรียง บุษรา สมบัติ ภาพ สิงหราช ชวนชม, พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี