จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยจึงหยุดดำเนินกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีชั่วคราวตามมาตรการพรก.ฉุกเฉินของรัฐบาลตั้งแต่เดือนมีนาคม ทว่า จิตอาสาฉือจี้ยังคงหาหนทางต่างๆนานา เพื่อช่วยบำบัดความทุกข์จากการเจ็บป่วยให้กับผู้ลี้ภัย โดยตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้ พรก.ฉุกเฉินนั้น จิตอาสาให้ผู้ลี้ภัยซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ยารักษาโรคต่อเนื่อง ลงทะเบียนบนเว็บไซต์ จากนั้น จัดสรรให้เจ้าหน้าที่ช่วยเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาลและนำมาส่งถึงมือพวกเขา พอปลายเดือนมิถุนายนซึ่งสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายแล้ว จิตอาสาจึงเปิดช่องทางให้ผู้ลี้ภัยที่มีความประสงค์พบแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วย ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จากนั้นจึงให้บริการรับ-ส่งพวกเขาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล
ต่อมาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ก่อนกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี จะกลับมาเปิดให้บริการดังเดิม 1 สัปดาห์ จิตอาสาฉือจี้เดินทางไปยัง จ.สมุทรสาคร เพื่อร่วมปรึกษาพูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบ้านแพ้ว เกี่ยวกับแนวทางการจัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี โดยมีสรุปสาระสำคัญดังนี้ 1.เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดจากการมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันในกิจกรรม จึงจำกัดจำนวนคนเข้ารับการรักษาไม่เกิน 300 คน 2.ให้บริการผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นหลัก หากผู้ป่วยมีไข้ ไอ หรือปอดอักเสบ จะไม่สามารถเข้ามารับบริการในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีได้ โดยให้ดำเนินการส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ 3.ไม่ให้ผู้ป่วยนั่งรอพบแพทย์ในช่วงเวลาเดียวกันเกิน 3 คน
เพื่อเป็นไปตามมาตรการป้องโรคอย่างเคร่งครัด จิตอาสาตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคและหน้ากากอนามัยในบริเวณทางเข้า
ข้อจำกัดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งท้าท้ายให้จิตอาสาต้องจัดเตรียมสถานที่และจัดสรรเวลาเป็นอย่างดี ดังนั้น จิตอาสาจึงต้องให้ผู้ประสงค์รับการรักษาลงทะบียนบนเว็บไซต์ล่วงหน้า เพื่อจำกัดจำนวนคนไม่ให้เกินกว่าที่กำหนดไว้ จิตอาสาฉือจี้ คุณหวังจงเสียน แบ่งปันว่า “ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เราได้ให้ผู้ป่วยลงทะเบียนบนเว็บไซต์ แล้วเราก็พาผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล จนถึงเดือนเดือนสิงหาคม ยังเหลือผู้ป่วยที่ลงทะเบียนบนเว็บไซต์ประมาณ 100 คน ยังไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เราก็ได้แจ้งให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มาหาหมอในกิจกรรมฟรีคลีนิกวันนี้เลยครับ แล้วยังมีผู้ป่วยที่ลงทะเบียนบนเว็บไซต์เพื่อมาหาหมอเพิ่มอีก 200 คน ดังนั้น รวมๆกันแล้วก็จะมีผู้ป่วยประมาณ 300 คน ที่จะมารับบริการในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีในวันนี้ (30 สิงหาคม)”
ภายในกิจกรรมทุกคนต่างสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอยู่ตลอดเวลา และรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างกัน
บุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆเดินทางถึงตั้งแต่เช้าตรู่ ขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปจัดเตรียมไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับให้บริการผู้ป่วย
กิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นไปตามมาตรการป้องโรคอย่างเคร่งครัด จิตอาสาตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคและหน้ากากอนามัยในบริเวณทางเข้า ภายในกิจกรรมทุกคนต่างสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอยู่ตลอดเวลา และรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างกัน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ก็เดินทางมาถึงสถานที่ตั้งแต่เช้าตรู่ ขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องไปจัดเตรียมไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับให้บริการผู้ป่วย
คุณกาญจน์ พยาบาลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีเป็นครั้งที่ 3 แล้ว รู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมให้บริการพี่น้องผู้ลี้ภัย และรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับยารักษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อมีโอกาสร่วมกิจกรรมบริการผู้ป่วยเช่นนี้ คุณกาญจน์จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และแบ่งปันความรู้สึกว่า “ผมคิดว่ามันเป็นความทุกข์ของเขานะครับที่เขาเจ็บป่วยอย่างนี้ ผมก็เลยคิดว่าเรามีโอกาสดีๆ มีโอกาสได้มาช่วยเหลือคนไข้อย่างนี้ เราก็ควรทำ และผมก็เต็มใจที่มาช่วยครับ”
พอทราบข่าวกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีจะจัดขึ้นอีกครั้งเมื่อหลายวันก่อน คุณสันติ พิบูลสัมฤทธิ์ แพทย์แผนจีน (ซ้าย 1) ก็ไม่พลาดโอกาสในการสร้างบุญ ตอบตกลงมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีครั้งนี้ในทันที
คุณสันติ พิบูลสัมฤทธิ์ แพทย์แผนจีน ซึ่งมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีต่อเนื่องนานถึง 4 ปีแล้ว หลายวันก่อน พอทราบข่าวกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีจะจัดขึ้นอีกครั้ง คุณสันติก็ไม่พลาดโอกาสในการสร้างบุญ ตอบตกลงมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีครั้งนี้ในทันที คุณสันติแบ่งปันว่า “ผมรู้แค่ว่าเป็นการทำบุญ ได้ช่วยเหลือคนไข้ ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ผมก็โอเคครับ” ในขณะเดียวกัน คุณสันติยังกำชับทุกคนให้หมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะหากเราสุขภาพร่างกายแข็งแรง ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น
พญ.ชฎาพร ชำนาญทองไพวัลท์ จากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว แบ่งปันว่า ผู้ป่วยผู้ลี้ภัยมีโอกาสเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้น้อยกว่าคนไทยทั่วไป ดังนั้น กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีของฉือจี้ จึงมีความสำคัญต่อผู้ลี้ภัยเป็นอย่างมาก “การที่กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีกลับมาจัดได้อีกครั้งใน 5 เดือน ทำให้ผู้ป่วยรับการรักษามากขึ้น อย่างคนที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ไม่ว่าเป็นความดัน เบาหวาน ก็สามารถมา Follow up ได้ค่ะ”
จากการให้ผู้ป่วยลงทะเบียนรับบริการล่วงหน้า ทำให้กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีไม่แออัด สามารถรักษาห่างทางสังคมได้
คุณจาเว็ดเล่าอาการป่วยของตน โดยมีแพทย์คอยรับฟังความทุกข์จากโรคภัยด้วยความใส่ใจ
จิตอาสาทำงานด้วยความมุ่งมั่น เหล่าแพทย์ต่างก็รับฟังความทุกข์จากโรคภัยของผู้ลี้ภัย และตรวจรักษาด้วยความใส่ใจ ทำให้ผู้ป่วยต่างรู้สึกซาบซึ้งใจ อย่างเช่น คุณจาเว็ด ซึ่งป่วยเป็นโรคนิ่วไต มารับบริการรักษาที่กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีฉือจี้เป็นระยะเวลาปีกว่าๆแล้ว เขาแบ่งปันความรู้สึกว่า “ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ฉือจี้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมฟรีคลินิกได้อีกครั้ง เพราะผมไม่สามารถหยุดกินยาได้ ถ้าจะไปซื้อยาข้างนอกก็แพงมากครับ ผมไม่มีเงินซื้อ ดังนั้น ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มารับการรักษาที่นี่ในวันนี้ ”
นอกจากนี้ คุณจาเว็ดยังฝากขอบคุณจิตอาสาและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ที่ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยท่าทีให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้เขารู้สึกว่า หากไม่เหตุจำเป็นเร่งด่วนใดๆ เขาก็จะเลือกมารับบริการรักษาที่กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีของฉือจี้เป็นอันดับแรก และจากการร่วมแรงร่วมใจของจิตอาสาและบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีครั้งนี้สำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่น มีผู้ลี้ภัยมารับบริการจำนวน 239 คน
เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดและติดเชื้อ กิจกรรมรักษาพยาบาลครั้งนี้ จิตอาสาจึงทำอาหารกล่องมื้อเที่ยงแจกให้กับผู้ลี้ภัยนำกลับไปรับประทานที่บ้าน
จิตอาสายังตั้งจุดเบิกค่ารักษาพยาบาลและยื่นขอความช่วยเหลือด้านการกุศลภายในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ลี้ภัย
มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย จัดกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี ตั้งแต่ พ.ศ.2558 ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และในช่วงโรคโควิด-19 แพร่ระบาด ยังให้ความช่วยเหลือในด้านชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันแก่ผู้ลี้ภัยที่ได้รับความเดือดร้อน เมื่อประจักษ์แจ้งในการช่วยเหลือของฉือจี้ที่มีต่อผู้ลี้ภัยมากมายเช่นนี้แล้ว สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR= United Nations High Commissioner for Refugees) จึงลงนามใน Exchange of Letters on health service for urban asylum seekers and refugees กับมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาผู้ลี้ภัย และให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในด้านการรักษาพยาบาลและชีวิตความเป็นอยู่ได้มากยิ่งขึ้น
โดยมี คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ ประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย และคุณ Giuseppe de Vincentiis ตัวแทนจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ร่วมลงนามในเอกสารข้อตกลงดังกล่าวข้างต้น คุณสุกัญญา แบ่งปันว่า “ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พวกเราจิตอาสาฉือจี้ต่างก็ทุ่มแรงกายแรงใจในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรดาผู้ลี้ภัย เราไม่เพียงให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล หากยังให้ความช่วยเหลือด้านชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา และในวันนี้ (19 สิงหาคม) พวกเราได้รับเกียรติอย่างสูงจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในการลงนามร่วมกันครั้งนี้”
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติและมูลนิธิพุทธฉือจี้ร่วมลงนามใน Exchange of Letters on health service for urban asylum seekers and refugees เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาผู้ลี้ภัย และให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในด้านการรักษาพยาบาลและชีวิตความเป็นอยู่ได้มากยิ่งขึ้น
เรียบเรียง ดรรชนี สุระเทพ ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี, ดรรชนี สุระเทพ