จิตอาสาโค้งลำตัว 90 องศา กล่าวคำอวยพรและขอบคุณที่ให้โอกาสฉือจี้ช่วยเหลือดูแลพี่น้องผู้ประสบภัย ในระหว่างการลงพื้นที่มอบถุงยังชีพและเยี่ยมเยียนให้กำลังใจชาว อ.ลำสนธิ
จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” จึงเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน จนทำให้มีน้ำท่วมใน 5 ตำบลของ อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี อุทกภัยครั้งนี้ ถือเป็นอุทกภัยพื้นที่แรกๆของประเทศไทยในปีนี้ พี่น้องผู้ประสบภัยถึงกับกล่าวว่า หากนับตั้งแต่บรรพบุรุษปู่ย่าตายาย เป็นระยะเวลาประมาณ 70 ปีกว่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบเจอกับน้ำท่วมหนักเช่นในปีนี้
โดย 25 กันยายนที่ผ่านมา น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ของ อ.ลำสนธิ กระแสน้ำไหลเร็วและแรงมาก จนสามารถพัดพารถยนต์ไปได้ ชาวบ้านบางส่วนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคา เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือไปพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัย
ความรักไม่เคยเลือนหาย
ด้วยมิอาจทนเห็นพี่น้องผู้ประสบภัยพบเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งภัยจากโรคระบาดและอุทกภัยหนัก 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย จึงมอบถุงยังชีพช่วยเหลือบรรเทาภัยให้กับพี่น้องชาว อ.ชัยบาดาล และ อ.บ้านหมี่ ทั้งยังติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ ทำให้ทราบว่า พี่น้องชาว อ.ลำสนธิ ยังเดือดร้อน จิตอาสาจึงเร่งประสานให้ความช่วยเหลือ
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ตั้งแถวยาวส่งต่อถุงยังชีพไปจัดวางในหอประชุมที่ว่าการอำเภอลำสนธิ
14 ตุลาคม 2564 จิตอาสาออกเเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยัง อ. ลำสนธิ จ.ลพบุรี ซึ่งมีระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐของ อ.ลำสนธิ ทั้งในส่วนของหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจิตอาสาฉือจี้ ต่างร่วมแรงร่วมใจจัดเตรียมกิจกรรม ตั้งแถวส่งต่อถุงยังชีพแต่ละถุงไปจัดวาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถุงยังชีพจำนวน 1,700 ชุด ก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในหอประชุมของที่ว่าการอำเภอลำสนธิ
พิธีมอบถุงยังชีพ โดยมีนายอำเภอลำสนธิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นตัวแทนรับมอบ และถ่ายภาพร่วมกันเพื่อเป็นประจักษ์พยานในความรักอันยิ่งใหญ่ของฉือจี้
ช่วงเวลาของพิธีมอบถุงยังชีพอันอวลไปด้วยความปีตินั้น คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ ประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย เป็นตัวแทนจิตอาสาฉือจี้อ่านสาส์นแสดงความห่วงใยจากท่านธรรมาจารย์ และขอบคุณทางอำเภอลำสนธิ ที่มอบโอกาสอันล้ำค่า ให้ฉือจี้ได้ดูแลช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย คุณสุกัญญา กล่าวว่า “ครั้งก่อน วันที่ 5 ตุลาคม เราก็ไปมอบถุงยังชีพสองที่ คือ อ.ชัยบาดาลและ อ.บ้านหมี่ วันหลังเรารู้ที่นี่ก็ประสบภัยหนัก เราก็เลยมาอีกครั้ง วันนี้เรามาที่ อ.ลำสนธิ เราได้เตรียมถุงยังชีพมามอบให้ สิ่งของอาจจะไม่เยอะ แต่เราเต็มใจ มาส่งกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบภัยที่นี่ค่ะ”
อุทกภัยครั้งนี้สร้างความเสียหายหนักหนานัก วันนี้ถุงยังชีพที่ฉือจี้นำมามอบให้ จึงเป็นเสมือนความห่วงใย ให้กำลังใจพี่น้องผู้ประสบภัยฟื้นฟูชีวิต คุณมานพ จันทร์ปิยวงศ์ นายอำเภอลำสนธิ แบ่งปันว่า “วันนี้ฉือจี้ได้นำถุงยังชีพมามอบให้พี่น้องชาวลำสนธิที่ประสบภัย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกได้ว่า เท่ากับจำนวนครัวเรือนของผู้ประสบภัยเลยก็ว่าได้ครับ ”
แบ่งกลุ่มลงพื้นที่ ส่งถุงยังชีพถึงบ้าน เยี่ยมเยียนพี่น้องผู้ประสบภัย
หลังพิธีมอบถุงยังชีพแล้วเสร็จ จิตอาสาแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อแยกย้ายลงชุมชนเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องผู้ประสบภัย จำนวน 80 ครอบครัว ในพื้นที่ ต. ลำสนธิ ต.หนองรี และ ต.กุดตาเพชร โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐนำทางจิตอาสา
จิตอาสาถือสิ่งของยังชีพลงพื้นที่สู่ชุมชน เพื่อมอบถุงยังชีพและเยี่ยมเยียนพี่น้องผู้ประสบภัยทีละครอบครัว
ปัจจุบันน้ำลดแล้ว ทว่า ร่องรอยความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้ยังคงชัดเจน
วิวสองข้างทางสวยงามตานัก ปุยเมฆขาวล่องลอยในผืนฟ้าสีคราม โดยมีทิวเขาสูงเป็นพื้นหลังมองเห็นแต่ไกลๆ เบื้องล่างถัดลงมามีฝูงวัวเล็มหญ้าในทุ่งกว้างเขียวขจี ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอของชีวิตอันเรียบง่านในชนบท ทว่า ภายใต้ทัศนีย์ภาพที่สวยงามสบายตานั้น ซ่อนแฝงไปด้วยร่องรอยของภัยพิบัติ ทั้งพื้นที่ทางการเกษตร บ้านเรือนของพี่น้องประชาชน ยังคงเห็นถึงความเสียหายที่อุทกภัยทิ้งร่องรอยไว้ “เครื่องซักผ้าและตู้เย็นเอาไปซ่อมอยู่ ส่วนเตารีด ก็เป็นสภาพนี้ค่ะ” พี่น้องผู้ประสบภัยคนหนึ่งบอกเล่าถึงความเสียหาย พร้อมชี้ไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้เลอะเปื้อนไปด้วยโคลน พังเสียหายไม่สามารถใช้การได้
จิตอาสานำสิ่งของยังชีพส่งถึงบ้านพี่น้องผู้ประสบภัยทีละครอบครัว
จิตอาสามอบถุงยังชีพให้กับพี่น้องผู้ประสบภัย พร้อมทั้งกล่าวคำอวยพรและให้กำลังใจ
จิตอาสาพูดคุยสอบถาม รับฟังทุกข์สุข และในขณะที่มอบถุงยังชีพ ก็ไม่ลืมอวยพรพี่น้องผู้ประสบภัย “นี่คือถุงยังชีพจากฉือจี้นะครับ เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ เราขอเป็นกำลังใจให้นะ สู้ สู้” เมื่อได้รับกำลังใจจากจิตอาสาที่เดินทางมาไกลจากกรุงเทพฯ ก็ทำให้พี่น้องผู้ประสบภัยรู้สึกซาบซึ้งใจ “ดีใจมากเลยค่ะ แบบไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาพูด” คุณยุพิน แบ่งปันความรู้สึกด้วยน้ำตาคลอเบ้า
ถุงยังชีพฉือจี้ เคียงข้างผู้ประสบภัยฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่
แม้ช่วงเวลาของอุทกภัยอันเลวร้ายจะผ่านไปครึ่งเดือน ปัจจุบันน้ำลดหมดแล้ว ทว่า ความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง จึงจะทำให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติดังเดิม
ในขณะที่มอบถุงยังชีพนั้น จิตอาสาพูดคุยกับพี่น้องผู้ประสบภัยด้วยความเป็นกันเอง รับฟังทุกข์สุขของพวกเขาด้วยความใส่ใจ
จิตอาสาเดินไปถึงบ้านปูนชั้นเดียวหลังหนึ่ง พบว่า ข้างบ้านมีตู้ไม้สองหลังซึ่งเปรอะเปื้อนโคลนและมีสภาพพังเสียหาย ข้างๆคือเศษซากปรักหักพังกองใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปในบ้านพบรูปภาพจำนวนหนึ่ง ที่ผึ่งตากไว้ในฝาตะแกรงพัดลม ซึ่งวางไว้บนกองถ่านเล็กๆอีกที คาดว่าเพื่อให้ถ่านดูดความชื้นจากรูปภาพที่ตากไว้ “ภาพพวกนี้เป็นภาพเก่าเมื่อหลายสิบปีก่อน มันถูกน้ำท่วมเปียกน้ำ ยายก็เลยเอามาตากไว้จ๊ะ” คุณยายโอน เจ้าของบ้านวัย 72 ปี ซึ่งกำลังนั่งพักเหนื่อยจากการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด ออกมาต้อนรับจิตอาสาด้วยความดีใจ พร้อมทั้งนำสำรวจความเสียหายจากอุทกภัย
คุณยายโอน อาศัยอยู่กันสองคนตายาย ด้วยทั้งสองอายุมาก ร่างกายจึงโรยราไปตามอายุ ไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง จึงได้แต่อาศัยเงินจากบัตรประชารัฐ และเงินจากลูกหลานซึ่งนานๆครั้งส่งให้ประทังชีวิต เมื่อได้ยินประกาศว่ามีน้ำป่าไหล่หลาก คุณยายก็ขนข้าวของเครื่องใช้ไว้บนโต๊ะ และคิดว่าน้ำคงท่วมไม่ถึง เพราะหลายๆปีที่ผ่านมา น้ำท่วมสูงสุดถึงแค่ระดับเข่า คาดไม่ถึงว่าน้ำจะท่วมสูงถึงครึ่งบ้าน ด้วยน้ำท่วมสูงและกระแสน้ำแรง ทำให้สองตายายไม่สามารถอยู่ในบ้านต่อไปได้ จึงหนีตายไปอาศัยอยู่ที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หลังน้ำลดกลับมาสำรวจความเสียหายพบว่า ตู้ไม้พังเสียหาย ไม่สามารถนำกลับมาใช้ต่อได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าพังเสียหาย ข้าวของบางส่วนไหลหายไปกับกระแสน้ำ บ้านเต็มไปด้วยคราบโคลน เศษกิ่งไม้ ซากปรักหักพังเต็มบ้าน
สิ่งของยังชีพจากฉือจี้ ทำให้คุณยายโอนฟื้นฟูชีวิตหลังน้ำลดได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
คุณยายโอนทยอยทำความสะอาด เก็บกวาดบ้านมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่เรียบร้อยดีนัก เมื่อมีจิตอาสานำสิ่งของยังชีพอันเปี่ยมด้วยความรักจากผู้คนทั่วทุกสารทิศมามอบให้ ภายในถุงยังชีพมีทั้งสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ชุดยารักษาโรคเบื้องต้น และอุปกรณ์ทำความสะอาด คุณยายโอนก็รู้สึกดีใจ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง “อย่างแปรงถูพื้นก็ดีเลย จะได้เอาไปขัดล้าง ผงซักฟอกถุงเล็กที่ใช้อยู่ก็กำลังจะหมด ได้ถุงใหญ่มาก็ใช้ได้หลายวัน ข้าวสาร บะหมี่ เกลือ น้ำตาล ที่ได้มาก็ทำให้ยายไม่ต้องไปซื้อเขา เพราะเงินก็ไม่ค่อยมี”
จิตอาสาปลอบโยนให้กำลังใจพี่น้องผู้ประสบภัยในระหว่างมอบถุงยังชีพ
แพทย์อาสาฉือจี้ร่วมบรรเทาภัย ดูแลห่วงใยพี่น้องประชาชน
ในขณะเยี่ยมเยียนพี่น้องผู้ประสบภัย คุณมรินทร์ธรณ์ เสมรอด พยาบาล สมาคมแพทย์อาสาฉือจี้ ใช้ประสบการณ์ของบทบาทบุคลากรทางการแพทย์ แสดงความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบภัย หยิบชุดยารักษาโรคเบื้องต้นในถุงยังชีพ อธิบายรายการยาต่างๆแก่คุณยายคนหนึ่งว่า “อันนี้เป็นยาที่ใช้ติดในบ้าน เผื่อจำเป็น เผื่อฉุกเฉิน มันจะมีชุดทำแผล เผื่อมีแผล ถ้าสงสัยอะไรขอให้ยายถามคนที่อ่านหนังสือได้นะคะ และมียาลดไข้ ยาแก้แพ้ ส่วนอันนี้คือยาทาแก้คัน คารามายด์แก้คัน กับยาทาน้ำกัดเท้าค่ะ”
คุณมรินทร์ธรณ์ เสมรอด พยาบาล สมาคมแพทย์อาสาฉือจี้ ใช้ประสบการณ์ของบทบาทบุคลากรทางการแพทย์ แสดงความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบภัย อธิบายรายการยาต่างๆแก่พวกเขาด้วยความใส่ใจ
คุณวรรณ หนึ่งในพี่น้องผู้ประสบภัย อาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ มีทั้งลูก หลาน ผู้พิการ และผู้สูงอายุ รวมกัน 9 คน เธอและสามีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ตอนน้ำหลากท่วมสูงระดับคอ เนื่องด้วยบ้านของเธอเป็นบ้านชั้นเดียว จึงต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้านและรีบอพยพไปอยู่ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน รอจนกระทั่งถึงตอนเช้า จึงมีเรือมาช่วยนำเธอและครอบครัวอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังน้ำลดกลับมาสำรวจบ้าน ปรากฎว่าเหลือแค่บ้านเปล่าโล่งๆ ข้าวของเครื่องใช้พัดลอยไปกับกระแสน้ำหมด จึงต้องไปตามหาเก็บข้าวของตามที่ต่างๆ เท่าที่จะทำได้
เมื่อทราบว่าฉือจี้เป็นสะพานบุญนำน้ำใจจากคนทั่วโลกมาให้ คุณวรรณก็รู้สึกดีใจและแบ่งปันความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจที่คนไทยและคนต่างประเทศไม่ทอดทิ้งให้เดียวดาย และสิ่งของที่นำมามอบให้มันก็ประโยชน์หลายอย่าง เพราะว่าบ้านเราก็มีทั้งคนแก่และเด็ก เช่นถ้าเด็กน้อยก็มีอาการเท้าเปื่อย ก็สามารถรักษาได้เบื้องต้น จะได้ไม่ต้องลำบากไปไกลถึงโรงพยาบาล เพราะเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างรถพาไปหาหมอได้”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยมีแผล คุณเฉินซิ่วเจีย (ซ้าย 1) จึงแจ้งกับผู้ประสบภัยว่า ในถุงยังชีพยังมีชุดยารักษาโรคเบื้องต้น สามารถนำออกมาใช้ได้
พี่น้องผู้ประสบภัยชูนิ้วหัวแม่มือ สื่อความหมายว่า “ขอบคุณฉือจี้”
จากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องผู้ประสบภัย หลายคนต่างพูดว่า อุทกภัยหนักสุดในประวัติศาสตร์ของ จ. ลพบุรีครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ ย้ำเตือนให้พวกเขาอยู่ในความไม่ประมาท และความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้ ก็ทำให้พวกเขาเรียนรู้การปล่อยวางมากยิ่งขึ้น จิตอาสาฉือจี้ขออาศัยโอกาสมอบถุงยังชีพครั้งนี้ ให้กำลังใจพี่น้องผู้ประสบภัยก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ในเร็ววัน
เรื่อง ดรรชนี สุระเทพ ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี,ดรรชนี สุระเทพ,ณัฐธยาน์ ธนัทกิตติพงศ์,วรมน เกียรติธีรชัย