จากอิทธิพลของพายุยางิ ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ภาพความเสียหายที่จิตอาสาฉือจี้พบเห็น หลังเดินทางถึงพื้นที่ประสบภัย คือถนนหลายสายที่ทรุดพัง ดินโคลนที่ท่วมเป็นบริเวณกว้าง การสัญจรที่ยากลำบาก และความเป็นอยู่ที่ยังเดือดร้อน
จิตอาสาฉือจี้สำรวจความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
จิตอาสาฉือจี้รวมตัวกันบรรจุสิ่งของเครื่องใช้และยารักษาโรค เพื่อเตรียมมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จิตอาสาช่วยกันลำเลียงสิ่งของเครื่องใช้และยารักษาโรค เพื่อเตรียมมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จิตอาสาช่วยกันลำเลียงสิ่งของเครื่องใช้และยารักษาโรค เพื่อเตรียมมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัย
หัวใจเต็มด้วยหวัง ก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน
“น้องศรัญญา” เด็กหญิงวัย 14 ปี ซึ่งอยู่ที่ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ต้องสูญเสียบ้านจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ร้านก๋วยเตี๋ยวของพ่อแม่ที่เปิดมาหลายปีก็พังเสียหายไปจนหมด โดยคุณสุริยา ผู้เป็นพ่อเล่าย้อนเหตุการณ์ในครั้งนั้นให้ฟังว่า “ตอนเช้าวันนั้นลูกสาวโทรมาบอกว่า พ่อ...บ้านเราไม่มีแล้ว เราจะทำยังไง ผมก็คิดอะไรไม่ออก มันอึ้งไปหมด”
ในขณะที่พ่อแม่เต็มไปด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง ศรัญญากลับมองโลกในแง่ดีและพยายามปลอบโยนพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เราต้องรับให้ได้ว่า เราสูญเสียบ้านไปแล้ว และต้องเข้าใจว่ามันเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน” แม้จะต้องเผชิญกับความสูญเสีย แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับเข้มแข็งพอที่จะเผชิญกับความเป็นจริง โดยมองโลกในแง่ดีว่า “อย่างน้อยครอบครัวของเราก็ปลอดภัย นี่ถือเป็นโชคดีที่สุดของเราแล้ว"
จิตอาสาฉือจี้ให้กำลังใจพร้อมอวยพรให้กับครอบครัวของน้องศรัญญา สนับสนุนให้เธอรักษาทัศนคติเชิงบวกนี้ เพื่อยืนหยัดฟื้นฟูความเป็นอยู่ในวันข้างหน้าต่อไป
จิตอาสาฉือจี้รวมตัวกัน ณ จังหวัดเชียงรายเพื่อเตรียมตัวนำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัย
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
น้ำท่วมไร้ปรานี โลกนี้ยังมีรัก
ในวันที่ 18 กันยายน 2567 จิตอาสาฉือจี้ลงพื้นที่ประสบภัย ทำความเข้าใจสถานการณ์จริง และประเมินความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภัย โดยพบว่า เมื่อระดับน้ำลดลง ชาวบ้านจึงเริ่มทยอยเดินทางกลับ และพยายามทำความสะอาดบ้านและถนนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม หลายคนประสบปัญหาใหญ่ เมื่อขาดแคลนเครื่องมือทำความสะอาด การต้องเผชิญกับเศษซากความเสียหายกองโต ทำให้ชาวบ้านแทบไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติด้วยตนเองได้
ขณะเดียวกัน จิตอาสาอีกกลุ่มก็จัดเตรียมสิ่งของอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งของบรรเทาทุกข์แต่ละชิ้น จะได้รับการบรรจุอย่างพิถีพิถัน และส่งมอบถึงมือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว
ในวันที่ 19 กันยายน 2567 จิตอาสาฉือจี้รีบรุดดำเนินการ ไม่เพียงตั้งจุดกระจายสิ่งของแบบรวมศูนย์ ในอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย ยังได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ช่วยนำทางไปมอบสิ่งของถึงประตูบ้าน
ในตรอกซอกซอยที่ถนนคับแคบ น้ำและดินโคลนยังท่วมขัง พื้นที่เหล่านี้กลายเป็นจุดที่ความช่วยเหลือยังเข้าไม่ถึง จิตอาสาฉือจี้ขนสิ่งของใส่รถกระบะ เดินเท้านำความช่วยเหลือไปมอบให้กับครอบครัวผู้เดือดร้อน
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
คุณยายจันดี วัย 78 ปี และคุณตาแก้ว วัย 80 ปี อาศัยอยู่ในตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทั้งสองเล่าว่านี่เป็นน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี วันที่น้ำท่วมพวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้อพยพ ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางการจัดไว้ สำหรับคุณตาคุณยายที่ชราภาพ การต้องละทิ้งบ้านที่อยู่มาทั้งชีวิตเพื่อไปอยู่ในที่พักพิงที่ไม่คุ้นเคย ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
หลังจากน้ำลดลง ในที่สุดคุณยายจันดีและคุณตาแก้วก็ได้กลับมาที่บ้านของตนเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาเห็น คือบ้านที่เสียหายอย่างหนัก พื้นเต็มไปด้วยดินโคลนและข้าวของที่พังจนใช้การไม่ได้ สำหรับคนชราที่มีอายุมากแล้ว การทำความสะอาดและการฟื้นฟูบ้าน ถือเป็นเรื่องที่เกินกำลัง แต่ในช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกหมดหนทาง สังคมก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งอาสาสมัครที่มาช่วยทำความสะอาดบ้าน ซ่อมแซมสิ่งที่พังเสียหาย
เนื่องจากบ้านของทั้งสองตั้งอยู่ท้ายซอย การเข้าออกต้องลุยน้ำที่ท่วมขังอยู่ตลอด คุณยายจึงเริ่มมีอาการของน้ำกัดเท้า “ชุดยาสามัญประจำบ้าน” ที่ได้รับจากฉือจี้ในวันนี้ซึ่งมียาทาน้ำกัดเท้าประกอบอยู่ด้วย จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพร่างกายของท่าน ทำให้คุณตาคุณยายรู้สึกอบอุ่นใจ และตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง
คุณยายจันดีกล่าวด้วยความตื้นตันว่า "วันที่บ้านถูกน้ำท่วม เราสองคนไม่มีเวลาเก็บข้าวของเลย โชคดีที่มีคนมาช่วย ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป"
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
จิตอาสาฉือจี้นำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
คุณเสาวลักษณ์ แสงงาม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่ที่ 1 นำจิตอาสาฉือจี้เข้าไปยังพื้นที่ซึ่งยังได้รับความเดือดร้อน เพื่อมอบความช่วยเหลือและความห่วงใยให้กับชาวบ้าน
ทำสุดความสามารถ ด้วยหัวใจอาสา
คุณเสาวลักษณ์ แสงงาม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม้ว่าบ้านของตนเองจะได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ก็มักจะเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เป็นเรื่องรอง ทำให้บ้านชั้นล่างของคุณเสาวลักษณ์ยังเต็มไปด้วยดินโคลนที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ส่วนตัวเองและครอบครัวก็อาศัยชั่วคราวบนพื้นที่ชั้นสอง
แม้จะเผชิญกับความยากลำบาก แต่คุณเสาวลักษณ์รู้สึกขอบคุณครอบครัว ที่เข้าใจในภาระหน้าที่ที่ตนเองแบกรับ ทุกคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้ได้มากที่สุด ปัญหาในบ้านและสิ่งที่ขาดเหลือ คุณพ่อคุณแม่ของคุณเสาวลักษณ์ก็จะพยายามแก้ไขด้วยตัวเอง เพื่อให้ลูกสาวทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้อย่างเต็มความสามารถ
แม้ต้องเผชิญกับอุทกภัย ทว่าคุณ เสาวลักษณ์ก็ไม่เคยย่อท้อ อุทิศแรงกายและแรงใจนำความช่วยเหลือไปส่งให้ถึงมือชาวบ้านที่เดือดร้อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันเวลา สองวันที่ผ่านมา คุณเสาวลักษณ์ อยู่เคียงข้างจิตอาสาฉือจี้ นำความรักความห่วงใยไปร่วมดูแลชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
คุณเสาวลักษณ์กล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า “ถึงแม้เราจะไม่เคยรู้จักกัน หรืออาจจะไม่เคยพบเจอกัน แต่ทุกคนก็ยังมีน้ำใจ มาช่วยเหลือพวกเราด้วยความรัก พวกเราก็รักและขอบคุณพวกคุณทุกคนค่ะ”
ครั้งนี้จิตอาสาฉือจี้ได้มอบถุงยังชีพทั้งหมด 500 ชุด ยารักษาโรคทั่วไป 500 ชุด และยาสำหรับเด็ก 250 ชุด ภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า จิตอาสาทำงานอย่างไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย เพื่อส่งมอบความห่วงใยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทุกการกระทำบ่งบอกถึงความห่วงใยและความหวัง ทำให้จิตใจของผู้ประสบภัยไม่โดดเดี่ยว และจุดประกายความหวังบนเส้นทางการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่
เรื่อง บุษรา สมบัติ ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี, สิงหราช ชวนชม, บุษรา สมบัติ