คุณหมอผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ยินดีเสียสละเพื่อมวลชน

20140222-13-byjanyaporn resize

  

คุณหมอผู้เปี่ยมเมตตา ร่วมเสียสละเพื่อคนในสังคม

“ลองดูสามีฉันสิ เขามาหาหมอหลี่ได้แค่ 2-3 เดือนเอง แต่อาการป่วยของเขาดีขึ้นมาก ตอนแรกตัวเขาจะขาวซีด ไม่มีเรี่ยวแรง จนเดินแทบไม่ไหว แต่พอมาให้หมอหลี่ตรวจ และกิน ยาสมุนไพรที่หมอหลี่สั่งให้ ทำให้ตอนนี้เขากลับมาเดินได้ โดยไม่รู้สึกเหนื่อยจนแทบจะขาดใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ภรรยาของสามีผู้ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ กล่าวชื่นชมในการรักษาโรคตามแพทย์แผนโบราณของ แพทย์จีน คุณเว่ยเฉียง แซ่หลี

จากการแนะนำของเพื่อน ทำให้เธอพาสามีมาเข้ารับการรักษากับ แพทย์จีน เว่ยเฉียง แซ่หลี่ หรือที่ทุกคนเรียกกันติดปากว่า “หมอหลี่” เมื่อเห็นอาการป่วยของสามีดีวันดีคืน แม้ในปัจจุบันตนเองยังไม่มีปัญหาโรคภัย แต่เธอก็มักขอให้คุณหมอหลี่ตรวจสุขภาพ เพื่อนำยาสมุนไพรกลับไปต้มกิน ป้องกันโรคภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เดิมทีคุณหมอหลี่จะนัดพวกเขามาตรวจแค่เดือนละ 2 ครั้ง แต่ญาติๆ ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ยิ่งมาหาหมอหลี่บ่อยเท่าไร พวกเขาเองก็ยิ่งวางใจมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นทั้งสองจึงขออนุญาตนัดพบคุณหมอที่คลินิกเป็นประจำทุกสัปดาห์ จากความทุ่มเทและดูแลผู้ป่วยด้วยความเชี่ยวชาญ ทุกวันหลังจากคลินิกหมอหลี่แพทย์แผนไทยเปิดให้บริการ ภายใจจึงเต็มไปด้วยผู้ป่วยจำนวนมาก ที่มานั่งรอรับการตรวจรักษาจากหมอหลี่

แพทย์จีน คุณเว่ยเฉียง แซ่หลี่ กล่าวว่า “ผมมีคนไข้วันละหลายสิบคนครับ เป็นอย่างนี้ทุกสัปดาห์ไม่เคยหยุดพัก ดังนั้น ด้วยงานที่แน่นขนัด ผมจะหาเวลาที่ไหนมาเป็นแพทย์อาสากับฉือจี้ ก็ใช้นอกเวลางานครับ เช่น การไปออกหน่วยตรวจสุขภาพที่สวนหลวง ร.9 เราก็จะไปตั้งแต่ 6.00 น. จากนั้น 9.00 น. ก็กลับมาเปิดคลินิก ทำให้ไม่ไปกระทบกับเวลานัดของผู้ป่วยครับ” นี่คือ ความรักและความเมตตาของคุณหมอผู้ใจบุญ ที่ยินดีก้าวออกจากรั้วสถานพยาบาลของตน เพื่อมอบความรักและสุขภาพที่ดี ให้กับผู้คนทั่วไปในสังคม ด้วยการร่วมกับแพทย์อาสาบริการตรวจสุขภาพฟรีกับฉือจี้

 

อุทิศความรู้ความสามารถ ร่วมเป็นแพทย์อาสากับฉือจี้

เมื่อปี พ.ศ.2537 หรือประมาณ 20 ปีก่อน “คุณหมอหลี่” ซึ่งตอนนั้นอาศัยอยู่ในเมืองจีน ได้มีโอกาสเดินทางมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อรักษาโรคให้กับญาติในเมืองไทยซึ่ง ล้มป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง แม้ตัวญาติของคุณหมอหลี่ผู้นี้ เปิดโรงพยาบาลให้บริการในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่วิทยาการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน กลับไม่สามารถรักษาโรคที่เขาป่วยให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น เขาจึงหันมาอาศัยการรักษาด้วยแพทย์แผนโบราณกับคุณหมอหลี่ จนอาการป่วยของตนเองทุเลาลง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน คุณหมอหลี่จึงตัดสินใจเปิดคลินิกแพทย์แผนโบราณขึ้นในเมืองไทย เพื่อเติมเต็มการขาดแคลนแพทย์ทางเลือกในเมืองไทย เมื่อ 18 ปีก่อน อาสาสมัครฉือจี้ในเมืองไทย ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคลินิกแพทย์แผนไทยหมอหลี่ ในระหว่างที่ฟังคำแนะนำด้านการรักษาสุขภาพจากหมอหลี่ ก็ถือโอกาสแบ่งปันเรื่องราวของฉือจี้ รวมถึงหลักธรรมคำสอนของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน นอกจากนี้ยังอาศัยสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวีดิทัศน์ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของอาสาสมัครฉือจี้ที่ทุ่มเททำงานช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วโลก ทำให้คุณหมอหลี่รู้สึกซาบซึ้งใจ และเป็นแรงผลักดันให้ท่านมาร่วมเป็นแพทย์อาสากับฉือจี้ในเวลาต่อมา “ฉือจี้ทำให้ผมเข้าใจว่า แท้จริงแล้วหัวใจหลักของแพทย์แผนจีน ก็คือ การช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยความเมตตา ซึ่งก็เป็นวิถีเดียวกับของฉือจี้ครับ” นับจากนั้นเป็นต้นมา คุณหมอหลี่ จึงมักอุทิศช่วงเวลาพักผ่อนหรือวันหยุดของตัวเองมาร่วมเป็นแพทย์อาสา ร่วมดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทยกับชาวฉือจี้

 

สิ่งที่ทำ คือหน้าที่ของแพทย์ที่ดี

คุณหมอหลี่ ซึ่งเปี่ยมด้วยประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยมานานกว่า 20 ปี พร้อมทั้งได้รับใบอนุญาตการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนถาวร ได้แบ่งปันว่า “ตัวผมเองเป็นหมอ หน้าที่หลักของหมอ คือ การช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ให้ผู้ป่วย โดยความทุกข์ในชีวิตของคนเราแบ่งออกเป็นสองอย่าง คือทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ ธรรมะจากฉือจี้สามารถช่วยคลายทุกข์ทางใจให้พวกเขาได้ ดังนั้น การคลายความทุกข์จากโรคทางกายจึงเป็นหน้าที่ของหมออย่างเรา เมื่อทั้งสองส่วนนี้มาผสานเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้การรักษาโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” คุณหมอหลี่ยังได้แบ่งปันอีกว่า เพราะนี่คือหน้าที่ของแพทย์ ดังนั้น ในขณะที่ท่านตรวจรักษาผู้ป่วยอยู่นั้น จึงมักจะแบ่งปันเรื่องราวอันน่าซาบซึ้งใจของฉือจี้ไปด้วยพร้อมกัน เพราะท่านบอกว่า หลายครั้งที่ร่างกายป่วย เพราะผลกระทบทางจิตใจ เรื่องราวชีวิตจริงอันน่าประทับใจของฉือจี้ ทำให้ผู้ป่วยที่ได้ฟังสามารถมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง และพบว่าตัวเองโชคดีกว่าอีกหลายคนมากเพียงใด เมื่อสุขภาพร่างกายกลับมาแข็งแรงตามเดิมแล้ว จึงจะรู้จักถนอมบุญ และอาศัยช่วงเวลาที่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ สร้างบุญด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป

ทุกครั้งที่คุณหมอหลี่ มาร่วมกิจกรรมออกหน่วยตรวจสุขภาพฟรีกับฉือจี้ ณ สวนหลวง ร.9 ทุกวันเสาร์ที่ 4 ของเดือน ท่านยังผลักดันให้สมาชิกในครอบครัวมาร่วมเป็นจิตอาสาด้วย โดยกล่าวว่า “ผมมีลูกชาย 4 คน พวกเขาล้วนเรียนแพทย์ โดยแบ่งเป็นเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน 2 คนและแพทย์แผนจีน 2 คน ผมจึงอยากจะให้พวกเขาได้ซึมซับแนวคิดและจิตวิญญาณของชาวฉือจี้ มีจิตเมตตาของแพทย์ที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ ดูแลผู้ป่วยเสมือนญาติของตนเองครับ” นี่คือความคาดหวังที่คุณหมอหลี่มีต่อครอบครัวของตนเอง ดังนั้นท่านจึงมักจะอุทิศเวลา ไม่ว่าจะเช้าหรือมืด ขอเพียงได้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ก็ยินดีที่จะเสียสละเวลาพักพ่อนของตนเอง เสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นแบบอย่างของคุณหมอผู้ประเสริฐให้กับบุตรชายทั้ง 4 ที่จะสำเร็จการศึกษามาเป็นแพทย์ในภายภาคหน้า

แพทย์จีน คุณเว่ยเฉียง แซ่หลี่ ยึด “การช่วยคน” เป็นเป้าหมายของการดำเนินชีวิต ตลอดระยะ 18 ปีที่ผ่านมา ท่านได้ร่วมเดินบนเส้นทางพระโพธิสัตว์กับชาวฉือจี้มาโดยตลอด เพื่ออุทิศตนลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง

 

 

แปรเปลี่ยนความซาบซึ้งใจเป็นการลงมือทำ ร่วมออกหน่วยบริการตรวจสุขภาพฟรีกับจิตอาสาฉือจี้

 

คุณหมอผู้มีเมตตา ยินดีอุทิศความรู้ความสามารถ เพื่อร่วมเป็นแพทย์อาสาบริการช่วยเหลือผู้อื่น

 

เนื่องจากในแต่ละวันจะมีคนไข้จำนวนมาก จึงต้องเสียสละช่วงเวลาพักผ่อนของตนเองเพื่อมาร่วมเป็นแพทย์อาสากับฉือจี้

 

เมื่อมาร่วมออกหน่วยบริการตรวจสุขภาพฟรีกับฉือจี้ มักจะนำสมาชิกในครอบครัวมาร่วมเป็นจิตอาสาด้วยเสมอ

 


เรื่อง บุษรา สมบัติ         ภาพ ฉือจี้ประเทศไทย