หากจิตใจของเราสามารถเป็นอิสระได้ โดยไม่ถูกกระทบจาก คน เรื่องราวและวัตถุรอบกาย รวมทั้งรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นี่จึงจะเป็นจุดหมายสูงสุดของการบำเพ็ญตน ดังนั้นเราจึงต้องจำเอาไว้เสมอว่า จะต้องดูแลรักษาจิตใจให้ดีทุกวัน อย่าหวั่นไหวไปตามสิ่งที่มากระทบ
แต่ก็ต้องตั้งใจสำรวจสิ่งที่มากระทบ มองสัจธรรมของสรรพสิ่งให้กระจ่าง จิตใจของเราจึงจะเป็นอิสระ ปราศจากซึ่งความทุกข์กังวล และจิตใจจึงจะไม่เกิดกิเลสมลทินขึ้นอีก ต้องน้อมนำธรรมะเข้าสู่จิตใจ จิตใจของเราจึงจะบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
ผู้มีใจบริสุทธิ์ คือ ความศรัทธา เราต้องศรัทธาในธรรมะอันถูกต้อง การจะขจัดกิเสสความเศร้าหมองเพื่อให้ใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ต้องอาศัยความศรัทธาของเรา ถ้ามีความศรัทธาที่ถูกต้อง ก็จะสามารถเพิ่มพูนปัญญาขึ้นได้ เหมือนดังที่ในพระคัมภีร์บันทึกไว้
รูปภาพ โดย บุษรา สมบัติ
ขึ้น 7 ครั้ง ลง 7 หน
ชายผู้หนึ่งชื่อว่า “สิงคาลกะ” ทุกครั้งที่ไปวัด มักจะชอบไปอยู่ที่หน้ารูปเคารพพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ แหงนหน้าขึ้นมองไปยังรูปเคารพพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ที่ประดับประดาไปด้วยเพชรพลอย พระหัตถ์ถือดาบแห่งปัญญา คอยฟาดฟันอวิชชา แลดูสง่างามยิ่งนัก เขาคร่ำครวญว่า “พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ข้าพเจ้าเคารพนับถือในปัญญาของท่าน เคารพในองค์พระรูปของท่าน ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านจะปรากฏกาย ให้ข้าพเจ้าได้เห็นเป็นบุญตา”
วันหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่า “ข้าน่าจะถวายภัตตาหารให้ภิกษุพันรูป เชื่อว่าพระมัญชุศรีจะเข้าใจ ท่านต้องปรากฏกายแน่” ในปะรำพิธี เขาได้เตรียมอาสนะอันวิจิตรงดงามไว้หนึ่งที่ เหล่าภิกษุต่างก็ทยอยมากันแล้ว แต่มีอยู่รูปหนึ่ง ห่มจีวรขาดๆ ใบหน้าสกปรก เดินกระโผลกกระเผลกเข้ามา เมื่อสิงคาลกะเห็นเช่นนั้น ก็คิดว่าท่านเองก็เป็นภิกษุ จะปฏิเสธก็คงไม่ได้ แต่ภิกษุรูปนั้นกลับเดินกระโผลกกระเผลกด้วยไม้เท้า ตรงขึ้นไปนั่งบนอาสนะอันวิจิตรดังกล่าว
สิงคาลกะจึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอนิมนต์ท่านลงมาเถิด อาสนะนี้ได้เตรียมไว้ให้ท่านอื่นนั่งแล้ว”
ภิกษุรูปนั้นจึงตอบว่า “อาตมารู้สึกว่าที่ตรงนี้ นั่งแล้วสบายมากเลย”
สิงคาลกะจึงเข้าไปลากฉุดภิกษุรูปนั้นลงมา
จากนั้น สิงคาลกะก็ออกไปยืนรอที่หน้าประตู พร้อมทั้งทอดสายตามองหาพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ คิดว่าท่านต้องมา แต่เมื่อหันกลับมา ก็พบว่าภิกษุรูปนั้นได้กลับขึ้นไปนั่งบนอาสนะเดิมอีก สิงคาลกะจึงเข้าไปดึงภิกษุรูปนั้นลงมาอีก ขึ้นๆ ลงๆ ถึงเจ็ดครั้ง สิงคาลกะจึงพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจอย่างมากว่า “วันนี้ข้าพเจ้ามีความปีติยิ่ง มีความศรัทธาตั้งใจยิ่ง ที่จะต้อนรับ ผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพยิ่ง เหตุใดท่านจึงขึ้นไปนั่งบนอาสนะนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า” แล้วก็ดึงภิกษุรูปนั้นลงมาอีก
หลังจากนั้น ภิกษุรูปดังกล่าวจึงได้ไปนั่งหลบอยู่ ณ มุมหนึ่งเพื่อรับการถวายภัตตาหาร ด้านสิงคาลกะก็จิตใจห่อเหี่ยว แม้จะเห็นภิกษุมากันมากมาย แต่อาสนะที่เตรียมไว้กลับว่างเปล่า จนพิธีเสร็จสิ้นลง สิงคาลกะจึงกลับไปที่วัด คุกเข่ากราบไหว้ บอกเล่าถึงใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความสิ้นหวัง
คืนนั้นเอง เมื่อเข้านอน สิงคาลกะฝันเห็นพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ได้เข้าตรัสกับเขาว่า “ท่านอยากจะพบเรามิใช่หรือ” “ใช่ขอรับ แต่ข้าพเจ้ารอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่ได้พบท่าน” “ได้พบสิ เราก็มาแล้ว เราขึ้นนั่งบนอาสนะตั้งเจ็ดครั้ง แต่ท่านก็ดึงเราลงมาทั้งเจ็ดครั้ง” สิงคาลกะจึงตกใจตื่น เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้เหล่าพระโพธิสัตว์ จำแลงกายมายังโลกมนุษย์ ต่างก็มีรูปลักษณ์ไม่แน่นอน อีกทั้งก็รู้ว่าพระพุทธองค์ทรงสอนสั่ง ให้มีความเมตตาอย่างเสมอภาคต่อกัน ทำไมเขาถึงยังได้คิดแบ่งแยก จากรูปลักษณ์ภายนอกอยู่อีกหนอ พอฟ้าสาง สิงคาลกะจึงกลับไปที่วัดอีกครั้ง คุกเข่าลงกราบไหว้พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และสำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป
ปัญญาของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ช่วยเหลือโปรดเหล่าสรรพสัตว์ และได้สั่งสอนให้เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก เมื่อมีความเลื่อมใสศรัทธา ต้องศรัทธาด้วยใจบริสุทธิ์ อย่าได้ร้องขอสิ่งใดเป็นพิเศษ นี่คือสิ่งที่พวกเราพูดกันเสมอว่า “เสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” ไม่เพียงแต่ไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ยังต้องขอบพระคุณด้วย
เราพูดว่าความเชื่อศรัทธาที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น เวลา วิถีทาง คน เรื่องราว หรือสิ่งของต่างๆ ล้วนไม่สามารถเป็นอุปสรรคในใจเราได้ นี่คือความศรัทธาที่ถูกต้อง สิ่งที่เราต้องเข้าใจ คือเหตุผลทั้งปวง ในสภาวการณ์ต่างๆ เราจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร จะจัดการสิ่งต่างๆ อย่างไร จะทำอย่างไรไม่ให้จิตใจแปดเปื้อน จะผูกสัมพันธ์ที่ดีกับสรรพชีวิตอย่างไร จะนำคำสอนของพระพุทธองค์ให้อยู่ในใจของผู้คนได้อย่างไร นี่เรียกว่า “ธรรมจักร” เมื่อธรรมะในใจเราหมุน ก็ต้องทำให้หมุนอยู่ในใจผู้อื่นด้วย ดังนั้น เมื่อเราต้องการบำเพ็ญตน ก็ต้องนำไปปฏิบัติ เมื่อเราศึกษาธรรมะ ก็ต้องรู้ว่าควรจะเชื่ออย่างไร และต้องเชื่อโดยปราศจากความคิดฟุ้งซ่าน เชื่อในพระธรรมของพระพุทธองค์ อย่าได้หลงงมงาย หรือมีความทุกข์กลัดกลุ้มใจอีก อย่าได้ร้องขอสิ่งใดมากไปกว่านี้อีก เราต้องเชื่อศรัทธาอย่างมั่นคง
จิตใจของทุกคนต้องแน่วแน่ไม่สับสน พากเพียรวิริยะเดินบนเส้นทางพระโพธิสัตว์ อย่าปล่อยเวลาผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ รักษาบุญวาสนา เพราะสิ่งที่ถูกต้อง ลงมือทำย่อมถูกต้องแล้ว