1
รวมใจทั้งครอบครัว เสียสละส่วนตนร่วมทำงานเพื่อผู้อื่น
“ที่จริงก็รู้จักมูลนิธิฉือจี้มานานแล้ว และติดตามกิจกรรมของฉือจี้มาตลอด ดิฉันคิดว่ากิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีก็เป็นกิจกรรมที่ดีกิจกรรมหนึ่ง โดยปกติที่บ้านเราก็จะสื่อสารกันด้วยภาษาจีนอยู่แล้ว จึงอยากให้ลูกสาวมาร่วมกิจกรรม” ด้วยเหตุนี้ หลังจากค้นหาข้อมูลบนเว็บไชต์ของมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย และโทรติดต่อสอบถามรายละเอียดแล้ว คุณนัฎฐินี ธีระศักดิ์วิชยา จึงชวนคุณศิริโรจน์ ฉันทชัยวัฒน์ ผู้เป็นสามีและลูกสาวทั้งสองคนมาร่วมกิจกรรมบริการชุมชนรักษาพยาบาลฟรี เพียงทราบข่าวกิจกรรม ทั้งครอบครัวล้วนยินดีมาร่วมกิจกรรมโดยไม่ลังเล
โดยในวันดังกล่าว ลูกสาวทั้งสองคนได้ช่วยงานถ่ายเอกสาร และลงทะเบียนผู้ป่วย ส่วนคุณนัฎฐินี และคุณศิริโรจน์ ซึ่งเดิมทีเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลรามคำแหง ก็ใช้โอกาสอันดีในการพาลูกสาวมาเรียนรู้งานจิตอาสา ช่วยตรวจรักษาให้ผู้เจ็บป่วยไปในขณะเดียวกัน
คุณนัฎฐินี เล่าว่า ทุกวันที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลนั้น ก็มักจะพบเจอกับผู้ป่วยชาวเมียนมาร์ ลาว หรือกัมพูชาที่เข้ามารับบริการรักษา แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ในกรุงเทพฯยังมีกลุ่มผู้หนีภัยจากประเทศบ้านเกิดตนจำนวนมากเช่นนี้ ฉะนั้น ครั้งแรกที่ได้มาร่วมกิจกรรมบริการชุมชนรักษาพยาบาลฟรี จึงทำให้คุณนัฎฐินีเข้าใจถึงความลำบากของผู้คนเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปีติที่มีโอกาสช่วยเหลือพวกเขา คุณนัฎฐินี แบ่งปันว่า “จะเห็นว่ามีหลายคนที่มีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องรับยาเป็นประจำ การจัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีก็จะช่วยลดภาระของเขาในเรื่องของค่าใช้จ่าย และเราก็รู้สึกโอเคกับการได้มีส่วนช่วยตรงนี้ค่ะ”
ในขณะที่ทำงานเสียสละเพื่อผู้อื่น ยังจุดประกายปณิธานเมื่อครั้งแรกเริ่ม การใช้วันหยุดพักผ่อนมาทำงานจิตอาสาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีกับฉือจี้เช่นนี้ ทำให้คุณศิริโรจน์หวนนึกถึงตอนที่ตนร่วมกิจกรรมออกหน่วยรักษาพยาบาลให้ผู้คนในถิ่นห่างไกลเมื่อครั้งยังวัยรุ่น และหากมีโอกาสก็ยินดีมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลอีก คุณศิริโรจน์แบ่งปันว่า “ผมคิดเสมอว่า เราควรมาร่วมบริการตรวจรักษาให้ผู้ป่วยเหล่านี้ เพราะกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ก่อนผมก็เคยร่วมกิจกรรมในลักษณะแบบนี้ครับ”
2
ใช้ความสามารถในวิชาชีพตน ให้บริการตัดผมฟรี
เพื่อบริการผู้ป่วยให้ครอบคลุมทุกด้านมากยิ่งขึ้น ทางมูลนิธิฯจึงเพิ่มจุดบริการตัดผมฟรีในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับบริการตรวจรักษา ได้รับบริการตัดผมฟรีในขณะเดียวกันไปด้วย
คุณอาณัติ ผลโยน ช่างตัดผมมากประสบการณ์กว่า 20 ปี และมีลูกศิษย์มากมายหลายรุ่น ซึ่งนอกจากการสอนความรู้ด้านการตัดผมให้นักเรียนแล้ว คุณอาณัติยังบ่มเพาะกุศลจิตให้พวกเขา โดยทุกอาทิตย์ คุณอาณัติมักจะนำนักเรียนลงพื้นที่ เพื่อบริการตัดผมฟรีแก่ประชาชนทั่วไปในชุมชน
พอดีคุณอาณัติอาศัยอยู่ชุมชนเดียวกันกับคุณนิตยา ทุมมานนท์ พนักงานฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิฯ และรู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อทีมจิตอาสาฉือจี้ของกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี ต้องการเพิ่มจุดบริการตัดผมฟรีดังกล่าว คุณนิตยาจึงช่วยติดต่อประสานงานกับคุณอาณัติ เมื่อทราบว่ามูลนิธิฉือจี้ต้องการความช่วยเหลือ คุณอาณัติก็ตอบรับมาร่วมกิจกรรมด้วยความยินดี คุณอาณัติ แบ่งปันว่า “ผมก็อยากจะช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้ เพราะในชีวิตประจำวันพวกเขาก็อาจจะหาร้านตัดผมยาก ผมก็เลยนำทีมงานมาช่วยอีกทางหนึ่งครับ”
แม้ว่าจะได้รับเฉพาะค่าเดินทาง อีกทั้งยังต้องดูแลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ตัดผมด้วยตนเอง ทว่า ทีมช่างตัดผมก็ยังคงยืนหยัดในงานจิตอาสา ให้การสนับสนุนงานบริการตัดผมฟรีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คุณชัยสิทธิ์ เกตุคำ หนึ่งในทีมช่างตัดผม ที่มาร่วมบริการตัดผมฟรีในกิจกรรมรักษาพยาบาลเป็นระยะเวลา 1 ปีกว่าๆแล้ว ไม่เพียงเปิดร้านตัดผมหาเลี้ยงครอบครัวแล้ว ยังยินดีมาร่วมเป็นจิตอาสาให้บริการตัดผมฟรีแก่ผู้มาตรวจรักษาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี คุณชัยสิทธิ์แบ่งปันว่า “มันดีกับช่างตรงที่ว่า เส้นผมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันก็เลยเหมือนเป็นการเรียนรู้ไปด้วยในตัว คือมันได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ช่างตัดผมก็ได้ประโยชน์ ผู้มารับบริการได้รับประโยชน์ด้วย คือไม่ต้องไปจ่ายตังค์ค่าตัดผม”
3
ช่างตัดผมชาวต่างชาติ ร่วมบริการตัดผมฟรี
กิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีทุกๆครั้ง มักจะมีช่างตัดผมประมาณ 10 คน มาให้บริการตัดผมให้ผู้ที่มาตรวจรักษาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีประมาณ 50-70 คน ซึ่งบางคนอาจจะเพียงแค่ต้องการตัดผมให้สั้น แต่ก็มีบางคนที่ต้องการทรงผมพิเศษ อย่างเช่น คุณอาเหม็ด หนุ่มน้อยวัยรุ่น ที่ต้องการตัดทรงผมยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น โดยช่างตัดผมก็ยินดีให้บริการอย่างเต็มที่ อาเหม็ดแบ่งปันว่า “ถ้าเป็นทรงผมธรรมดา ค่าตัดผมที่ร้านตัดผมข้างนอกจะประมาณ 60-80 บาท ถ้าเป็นทรงพิเศษก็จะประมาณ 500-800 บาท แต่ถ้ามาตัดที่นี่ก็ฟรีครับ ผมรู้สึกดีใจมากครับที่ได้มาตัดกับช่างที่นี่ พอตัดมาแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดูหล่อและดูดีขึ้นครับ”
เห็นผู้รับบริการตัดผมมีความสุข คุณมาร์ติน หนึ่งในช่างตัดผมก็รู้สึกปีติกับความสำเร็จจากงานดังกล่าว ด้วยความขัดแย้งด้านศาสนา ทำให้คุณมาร์ตินจึงจำต้องตัดสินใจจากประเทศอิหร่านบ้านเกิด และเดินทางสู่ประเทศไทย คุณมาร์ตินเล่าว่า แม้ว่าตนจะเป็นช่างตัดผมมืออาชีพ มีประสบการณ์ด้านการตัดผม 8 ปี แต่ด้วยสถานะผู้ลี้ภัยในระหว่างที่เขาอยู่อาศัยในเมืองไทยเป็นระยะเวลา 3 ปี ทำให้เขาไม่สามารถทำงานเป็นช่างตัดผมเลี้ยงชีพตน ชีวิตความเป็นอยู่จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ปีที่ผ่านมา คุณมาร์ตินข้าพบกับทีมจิตอาสาฉือจี้ของกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เมื่อทราบว่าคุณมาร์ตินเป็นช่างตัดผมมืออาชีพ จิตอาสาฉือจี้จึงเชิญชวนเขามาช่วยงานในจุดบริการตัดผมฟรี คุณมาร์ตินแบ่งปันว่า กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี นอกจากให้บริการด้านการแพทย์แก่ผู้เจ็บป่วยแล้ว ยังทำให้เขาได้ทำงานตัดผม ได้รับค่าจ้างตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกับเขามาก และยังทำให้เขาได้แสดงความสามารถในงานที่ตนเองชอบอีกด้วย คุณมาร์ตินแบ่งปันว่า “การมาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีที่นี่ ทำให้ผมรู้สึกสบายใจและมีความสุข เพราะผมได้ตัดผมบริการผู้คนที่มาตรวจรักษา ได้ทำในสิ่งที่มีความหมายครับ”
▲ลูกสาวทั้งสองคนของคุณศิริโรจน์และคุณนัฎฐินี (ซ้าย 1และซ้าย 2) ร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เพื่อเรียนรู้งานจิตอาสา บริการผู้อื่น
▲คุณศิริโรจน์ ซึ่งเดิมทีเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลรามคำแหง ก็ใช้โอกาสอันดีนี้บริการตรวจรักษาผู้ป่วย
▲คุณนัฎฐินี ซึ่งเดิมทีเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลรามคำแหง ใช้ความความรู้ความสามารถในวิชาชีพตน บริการตรวจรักษาผู้ป่วย
▲คุณอาณัติ (ซ้าย 2) นำทีมช่างตัดผมร่วมทุ่มเทเสียสละในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี
และอาศัยกิจกรรมนี้แบ่งปันความรู้ให้ลูกศิษย์ไปในขณะเดียวกัน
▲คุณชัยสิทธิ์ รู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรม เพราะการบริการตัดผมฟรีให้ผู้ที่มาตรวจรักษานั้น
ทำให้เขาทำได้ทำงานจิตอาสา และฝึกฝีมือไปในขณะเดียวกัน
▲ทรงผมใหม่ดั่งใจหวัง ทำให้คุณอาเหม็ด(กลาง) รู้สึกมีความสุข
▲เห็นผู้รับบริการตัดผมมีความสุข คุณมาร์ติน หนึ่งในช่างตัดผมก็รู้สึกปีติกับความสำเร็จจากงานดังกล่าว
เรื่อง คุณดรรชนี สุระเทพ ภาพ คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี คุณดรรชนี สุระเทพ คุณอาเมร์ โคฮูรี