การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนล้วนไม่แตกต่างกัน หากไม่รู้จักทำหน้าที่ของตนเองให้ดี หรือขาดความระมัดระวัง ปล่อยปละละเลยความคิดและการกระทำ ก็จะนำมาซึ่งความทุกข์ ตามที่เรามักพูดกันอยู่เสมอว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของภายนอกหรือฐานะครอบครัว แต่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
ตอน เห็นมโนภาพเป็นของจริง
ในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระพุทธองค์ทรงนำเหล่าสงฆ์สาวกเดินทางผ่านหมู่บ้านในชนบทแห่งหนึ่ง เมื่อผู้คนพบเห็นพระพุทธองค์และพระภิกษุที่สง่างามน่าเลื่อมใส ต่างก็รู้สึกปีติและรายล้อมเข้ามาด้วยความศรัทธา พระพุทธองค์จึงทรงเลือกประทับลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเทศนา เนื่องจากเห็นว่าทุกคนล้วนเป็นฆราวาสทั่วไป ไม่ใช่นักบวช พระองค์จึงทรงเริ่มต้นด้วยการเล่านิทาน
ตอน แตงคุณธรรม
อาจารย์มักพูดอยู่เสมอว่า ต้องดูแลรักษาจิตใจให้ดี ซึ่งไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร ก็ไม่พ้นการควบคุมนิสัยสันดานของตนเอง เราจะปรับปรุงแก้ไขนิสัยไม่ดี ปลูกฝังนิสัยที่ดีให้ติดตัวไปตลอดได้อย่างไร หากยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จนปล่อยให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจขึ้น ไม่นานกริยาท่าทางไม่ดีก็จะปรากฏออกมาให้เห็น จนผูกวาสนาที่ไม่ดีต่อกัน ทำให้ดำเนินชีวิตกับคนรอบข้างแบบมีความสัมพันธ์ที่ดีบ้างร้ายบ้าง แตกต่างกันออกไป
ตอน ไฟส่องทางด้วยน้ำใจ
เมื่อจิตใจของเราตั้งมั่นในทิศทางที่ถูกต้อง เมื่อนั้นเส้นทางการเดินก็จะไม่คลาดเคลื่อน ทุกคนจึงต้องฝึกฝนจิตใจให้ตั้งมั่นไม่เอนเอียง เพราะเมื่อไรจิตใจผิดเพี้ยน เมื่อนั้นแต่ละก้าวก็จะผิดพลาด ดังนั้น เราจึงต้องมีจิตใจที่มั่นคง และรักษาปณิธานให้แน่วแน่ไม่แปรปรวน
ตอน นกน้อยดับไฟป่า
นิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงงานเลี้ยงประจำปีในหมู่บ้านอันเงียบสงบเล็กๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังเมามายสนุกสนานและอิ่มหมีพีมันกันอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีไอร้อนระอุขึ้นมา