พระพุทธองค์ทรงจุติมายังโลกมนุษย์ เพื่อถ่ายทอดธรรมะสู่สรรพชีวิต ให้ตระหนักถึงกฎแห่งกรรมและรู้จักตั้งปณิธานเสียสละเพื่อผู้อื่น นอกจากตนเองได้เข้าใจในพุทธธรรมแล้ว ก็ต้องถ่ายทอดไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย เมตตาจิตของพระพุทธองค์ ทรงปรารถนาจะช่วยเหลือให้สรรพชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก อีกทั้งถ่ายทอดธรรมะต่อไปทุกภพทุกชาติ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้สืบทอดปณิธาน ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาธรรมะด้วยความตั้งใจ
ธรรมะที่เราฟัง จากสิ่งที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ เมื่อเวลาล่วงเลยไปยาวนาน ได้ถดถอยลงบ้างหรือเปล่า เวลายาวนานขนาดนั้น ย่อมต้องถดถอยลงบ้าง ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักนำธรรมะ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องรอจนถึงชาติหน้า แต่ถ้าเรารู้จักเปลี่ยนความคิดให้ได้ตั้งแต่ชาตินี้ว่า ความจริงแล้วทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าล้วนเป็นดั่งพระ ต้องขอบคุณที่มาสอนสั่ง ทำให้เราได้น้อมนำธรรมะเข้าสู่จิตใจ และนำไปลงมือปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เมื่อสมบูรณ์พร้อมทั้งปณิธานและเหตุปัจจัย เมื่อนั้นทุกคนจึงเป็นพระโพธิสัตว์เดินดิน นี่คือสิ่งที่เราทุกคนควรมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุผล
ไม่ว่าใครก็คงรู้จัก “พระโมคคัลลานะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาสาวกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีความเป็นเลิศด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
รูปภาพโดย คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี
พระโมคคัลลานะกับภูติผีหิวโหย
ภูติผีหิวโหยจำนวนมากอยากจะมาดื่มน้ำ ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมื่อเห็นพระโมคคัลลานะกำลังนั่งสมาธิอยู่ หนึ่งในภูติผีหิวโหยจึงได้เข้ามาถามว่า “ท่านผู้เจริญ เราเห็นอยู่ชัดๆ ว่าแม่น้ำคงคานั้นใสไหลเย็น แต่เมื่อเราตักขึ้นดื่ม ทำไมมันจึงได้ร้อนจนลวกอวัยวะภายในแทบไหม้เกรียม เราทำกรรมอะไรเอาไว้กันแน่ จึงต้องมาทนทุกข์ทรมานอย่างนี้”
พระโมคคัลลานะจึงตอบว่า “ชาติก่อนเจ้าเป็นโหรทำนายดวง มักโกหกถึงอนาคตของผู้คนตามอำเภอใจ ทำให้ทุกคนวิตกกังวลและหวาดกลัว เพื่อหลอกเอาเงินสะเดาะเคราะห์จากพวกเขา ดังนั้นเจ้าจึงต้องรับกรรมเช่นนี้”
ตนที่สองก็เข้ามาถามว่า “ร่างกายของเราต้องทนทุกข์ทรมาน จากงูและสุนัขที่เข้ามารุมทำร้าย เมื่อกัดกินจนเกือบเกลี้ยงแล้ว แค่มีลมพัดมาก็เหมือนคมมีดที่กรีดเนื้อหนัง เราต้องเจ็บปวดเช่นนี้มาโดยตลอด นอกจากนั้นท้องก็ยังหิวโหยอยู่เสมอ ตอนเป็นมนุษย์เราได้สร้างกรรมอะไรเอาไว้หรือ”
พระโมคคัลลานะจึงตอบว่า “ชาติก่อน เจ้าได้ฆ่าหมู เป็ด ไก่และแพะ เป็นต้น จากนั้นจึงโยนลงไปในน้ำที่กำลังเดือด เพื่อถอนขน การกินเนื้อ ถลกหนังและแทะกระดูกเช่นนี้ ทำให้ต้องตกนรกหมกไหม้และอยู่ในภพภูมิของภูติผี ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส”
ตัวที่สามถามว่า ท้องของฉันเหมือนโองขนาดใหญ่ คอของฉันเหมือนรูเข็ม ผมอยากกินมาก แต่ไม่สามารถกลืนได้ ไม่รู้ผมได้สร้างกรรมอะไรไว้
ตนที่สามจึงถามต่ออีกว่า “ท้องของเราขนาดใหญ่เท่าโอ่ง แต่คอหอยกลับเล็กเท่ารูเข็ม เราอยากกินมาก แต่กลับไม่สามารถกลืนอาหารได้เลย เราทำกรรมอะไรไว้กันแน่”
พระโมคคัลลานะจึงตอบว่า “ชาติก่อนเจ้าเคยเป็นขุนนางกังฉิน ทุจริตขูดรีดประชาชน เมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็ใช้อำนาจลงโทษพวกเขาอย่างโหดร้าย”
ตนที่สี่จึงถามต่ออีกว่า “หัวของเราทั้งใหญ่และหนัก อีกทั้งยังมีลิ้นอยู่ในปากจำนวนมาก เมื่อพูด ลิ้นก็จะเริ่มมีเลือดไหลและเน่าเปื่อย จนกินอะไรไม่ได้ เราทำกรรมอะไรเอาไว้กันแน่”
พระโมคคัลลานะจึงตอบว่า “ตอนเป็นมนุษย์ เจ้าชอบเล่นลิ้น พูดกลับกลอกไปมา ทำให้คนอื่นทะเลาะเบาะแว้ง และเข่นฆ่ากัน จนกลายเป็นหายนะครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คือกรรมที่เจ้าทำไว้ในอดีตชาติ”
เมื่อได้ยินพระโมคคัลลานะอธิบาย ภูติผีหิวโหยทั้งสี่ก็ระลึกได้ในที่สุด จึงเริ่มสำนึกผิดต่อหน้าท่าน รวมถึงตั้งปณิธานที่จะทำความดีสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่น
นี่คือความเป็นเลิศของพระโมคคัลลานะ ในด้านอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ระหว่างนั่งสมาธิริมแม่น้ำคงคาก็ยังได้ช่วยภูติผีหิวโหยที่นั่น ท่านรู้จักถนอมโอกาส ถนอมเหตุปัจจัย และสภาพแวดล้อมทุกอย่าง เพื่อใช้ธรรมะชี้แนะผู้อื่น ดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรงสอนสั่ง คือ เมื่อฟังธรรมะแล้วก็ต้องนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และเดินบนเส้นทางพระโพธิสัตว์ด้วยความรู้แจ้ง นี่คือวิธีการบำเพ็ญกายและใจของพระโมคคัลลานะ
หลังจากพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน สาวกทั้งหลายก็ยังคงเดินไปบนวิถีพระโพธิสัตว์ ด้วยเป้าหมายเดียวกัน จากการบำเพ็ญตนของเหล่าสาวก จึงส่งผลให้ธรรมะของพระพุทธองค์ยังคงอยู่บนโลกมนุษย์ เหมือนสมัยที่พระพุทธองค์ยังคงอยู่ แม้จะนิพพานไปแล้ว แต่สาวกเหล่านี้ก็ยังคงแสดงธรรม เพื่อชี้แนะผู้คนบนโลกมนุษย์ต่อไป
เราจึงมีพุทธธรรมให้ศึกษาต่อจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงต้องขอบพระคุณและศรัทธาในคำสอนของพุทธองค์