ภาระหน้าที่แห่งความสุข ครอบครัวคือพลังใจ

family01 resize

 “โรคภัย” เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์ยาก เป็นต้นเหตุแห่ง “ความยากจน” ในมุมหนึ่งของเมืองฟ้าอมรอย่างกรุงเทพมหานคร ชาวฉือจี้ก้าวเข้าไปหาชีวิตที่ตกทุกข์ได้ยาก ได้พานพบและดูแลครอบครัวผู้ยากไร้ ที่ชีวิตเผชิญเคราะห์กรรมความทุกข์ยากจากโรคภัยและความขัดสน คุณนวลฉวีต้องแบกภาระหน้าที่ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกอีก 6 คน ในครอบครัวเพียงลำพังด้วยความเหนื่อยยาก อีกทั้งเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อบ้านหลังเก่าที่พักอาศัยมานานหลายสิบปี โดนปลวกกัดแทะจนกร่อนแทบจะพังถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม ขอบพระคุณที่ทำให้จิตอาสาฉือจี้ได้มีโอกาสพานพบคุณนวลฉวี จนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ดูแลปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นตามกาลเวลา

 

1
เหนื่อยเพียงใดก็สู้ ครอบครัวคือ “พลังใจ”


พายุฝนที่โหมกระหน่ำต่อเนื่องหลายวันในช่วงนี้ ประกาศให้รู้ว่า “ฤดูฝน” มาถึงอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับครอบครัวที่สถานะทางเศรษฐกิจอยู่ใต้เส้นความยากจนมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง ลมฝนที่มาถึงแทบ จะทำให้บ้านไม้หลังเก่าคลอนแคลนจนแทบจะพังถล่มลงมา ภายใต้แผ่นกระเบื้องที่แตกนี้ คุณนวลฉวีในวัย 60 ปี ได้รับหลานสาว 4 คน ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายสามคนมาดูแล อีกทั้งบุตรชายของตัวเองที่กลายเป็นผู้ป่วย ติดเตียงตั้งแต่อายุ 22 ปี หลังจากประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ระหว่างไปทำงาน เวลาผ่านไป 17 ปี จน ทุกวันนี้เขาอายุ 39 ปี นอกจากนี้ยังมีพี่สาววัย 65 ปี ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ จนต้องนอนติด เตียงเช่นเดียวกัน “พวกเขาเป็นพลังให้ฉันยืนหยัดสู้ต่อไป แม้ว่าตัวฉันเองไม่จ่าเป็นต้องดูแลพวกเขาก็ได้ แต่ฉันก็ทิ้งพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน” คุณนวลฉวีกล่าว

 

20190612-05-bytar resize                                                       คุณนวลฉวีในวัย 60 ปี ดูแลลูกชายที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วยความเอาใจใส่

สองบ่าของคุณนวลฉวีต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอันหนักอึ้งของหลานๆ และผู้ป่วยในบ้านเพียงลำพัง เพราะ พวกเขาล้วนเป็นคนในครอบครัว จึงไม่มีวันที่จะเมินเฉยได้ การได้อยู่พร้อมหน้ากันกับทุกคน จึงเป็นพลังที่ทำ ให้คุณนวลฉวีผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวัน คุณนวลฉวีกล่าวว่า “แม้จะยากลำบาก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขก็คือ กลับมาถึงบ้านก็เจอหน้าลูกชาย ทุกเย็นหลานสาวเลิกเรียนกลับมา ก็ไดกินข้าวพร้อมหน้ากัน แค่นี้ก็ เพียงพอแล้ว”

 

จิตอาสาฉือจี้เริ่มให้การดูแลครอบครัวคุณนวลฉวี นับตั้งแต่ พ.ศ.2551 เป็นต้นมา การดูแลเคียงข้างอย่างเอาใจใส่เสมือนคนในครอบครัว ช่วยแบ่งเบาภาระและเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจของคุณนวลฉวี ทำให้จิตใจของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื้นตันและขอบคุณ ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มแห่งความหวังออกมา

 

20190531-14-bytar resize                                                         

                                                         คุณนวลฉวี(คนที่2จากซ้าย)ดีใจที่วันนี้ลูกชาย(สวมเสื้อดำ)เจริญอาหารดี ก่อนจะบอกเล่ากิจวัตรประจ าวัน ของตนเอง พร้อมทั้งขอบคุณฉือจี้ที่ช่วยกั้นห้อง

                                                         ชั้นล่างให้ทำให้สามารถดูแลลูกชายได้สะดวกยิ่งขึ้น


2
บททดสอบแห่งการทำดี จนวันหนึ่งที่ฟ้าเป็นใจ


บ้านไม้สองชั้นของคุณนวลฉวีเก่าทรุดโทรม จนแทบจะพังถล่มลงมา เนื่องจากสร้างมานานกว่า 40 ปีแล้ว อีก ทั้งยังโดนปลวกกัดแทะจนกร่อน จิตอาสาฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลัน กล่าวว่า “ผนังบ้านโดนปลวกกินจนเกือบจะ หมดแล้ว หากเราไม่ช่วยซ่อมแซมให้ ก็จะอันตรายมาก ฝนตกหนักแต่ละครั้ง อาจจะท่าให้ผนังบ้านถล่ม ลงมาได้เลยค่ะ” จิตอาสาฉือจี้จึงวางโครงการจะช่วยซ่อมแซมบ้านให้คุณนวลฉวี ไม่ว่าจะเป็นคุณเฉินซิ่วเจีย หรือคุณจางฮุ่ยหลัน ต้องใช้เวลาเกือบสองปี เพื่อเสาะหาวิธีการต่างๆ นานา

 

20190531-08-bytar resize                                                         คนงานของผู้รับเหมารีบดำเนินการซ่อมแซม เพื่อคืนบ้านที่มั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยให้กับครอบครัวคุณนวลฉวีโดยเร็วที่สุด

นั่นเพราะข้อจำกัดต่างๆ ของตัวบ้าน พื้นดินโดยรอบที่เป็นดินโคลน ยากที่จะต่อนั่งร้านขึ้นไปเพื่อดำเนินการ ซ่อมแซม อีกทั้งเป็นโครงการซ่อมแซมที่ค่อนข้างใหญ่ เหล่าผู้รับเหมาไม่เพียงปฏิเสธที่จะรับงาน มากกว่าครึ่ง ยังแนะนำให้รื้อแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การจะรื้อเพื่อสร้างใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากความ ผูกพันของเจ้าของบ้านที่พักอาศัยอยู่มานานหลายปี และค่าใช้จ่ายก้อนโตแล้ว สิ่งส้าคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยติด เตียงที่พักอาศัยอยู่ภายใน ก็ไม่มีที่อื่นให้พักพิงได้อีกแล้ว จนกระทั่ง พ.ศ.2561 จิตอาสาฉือจี้ก็สามารถหา ผู้รับเหมาที่ยินดีรับงานได้สำเร็จ โดยตกลงว่าจะซ่อมแซมผนังบ้านที่โดนปลวกกิน แต่คาดไม่ถึงว่า ด้วยความ ยากของหน้างาน ผู้รับเหมายังไม่ทันลงมือทำอะไร ก็ถอดใจปฏิเสธงานไปในภายหลัง

 

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา จิตอาสาฉือจี้ยังคงพยายามเสาะหาผู้รับเหมารายใหม่อยู่อย่าง ต่อเนื่อง ปลวกและเชื้อราก็ยังกัดกินผนังบ้านไม่หยุดหย่อน ทำให้ทุกวันนี้ผนังบ้านชั้นสองแทบจะหลุดร่วงลงมาไม่สามารถกันลมฝนได้ “หากฝนตก ก็จะนอนไม่ได้เลย จะเห็นว่าต้องเก็บเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในราวริม ผนังบ้านมาไว้กลางบ้าน แล้วค่อยหาผ้าขี้ริ้วไปอุดรอยที่รั่วตรงผนังทั้งหมด” คุณนวลฉวีบอกเล่าความ ยากลำบากของการใช้ชีวิตในบ้าน ทุกครั้งที่ฝนตกหนัก ต้องรีบร้องเรียกให้หลานๆ ช่วยกันขึ้นไปเช็ดน้้าฝนที่ สาดเข้ามาในตัวบ้านให้แห้ง เพราะเกรงว่าน้้าจะซึมผ่านพื้นไม้ลงมา ท้าให้เตียงของลูกชายที่อยู่ชั้นหนึ่งเปียก ตามไปด้วย หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเช็ดน้้าฝนด้วยผ้าขี้ริ้ว บิดลงในถังจนแห้ง หลังฝนหยุดตกแล้วกว่า หนึ่งชั่วโมง ทั้งคุณนวลฉวีและหลานสาวจึงได้เอนตัวลงนอนหลับพักผ่อน ดังนั้น เมื่อฤดูฝนมาถึง จึงทำให้จิต อาสาฉือจี้ยิ่งห่วงใยครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

3
สุดท้ายโชคดีมาเยือน เห็นแสงสว่างแห่งความหวัง

หลังจากความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2562 จิตอาสาฉือจี้ก็สามารถหาผู้รับเหมา ที่ยินดีเข้ามาประเมินหน้างานเพื่อดำเนินการซ่อมแซมได้ ดังนั้น จึงได้นัดแนะมาสำรวจ พร้อมกับความ หวาดหวั่นว่าจะโดนปฏิเสธงานอีกครั้ง แต่คาดไม่ถึงเลยว่า คุณธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายใหม่ ไม่เพียง รับงานด้วยความยินดี แต่เพราะเข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวคุณนวลฉวี และซาบซึ้งถึงความทุ่มเทของจิตอาสาฉือจี้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา คุณธรรมศาสตร์ไม่เพียงรับงานซ่อมแซมผนังบ้านชั้น สองที่ถูกปลวกกัดแทะเสียหาย และเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบ้านเท่านั้น แต่ยังให้ความอนุเคราะห์ช่วย ซ่อมแซมอีกหลายส่วนของบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย อาทิเช่น ช่วยเสริมเสาเหล็ก 4 เสาของ บ้านชั้นล่างให้รองรับน้้าหนักของชั้นสอง เพื่อป้องกันปลวกกัดกินเสาบ้านเดิมของชั้นหนึ่ง โดยไม่คิดค่าวัสดุ และค่าแรง ช่วยซ่อมแซมบานประตูทั้งสี่บานของชั้นหนึ่ง ช่วยเปลี่ยนฝ้าเพดานทีบาร์ของชั้นสองทั้งหมด ช่วย เปลี่ยนชักโครกห้องน้้า และช่วยเปลี่ยนหลอดไฟรวมถึงสายไฟบริเวณชั้นสองของบ้านทั้งหมด

 

20190531-09-bytar resize                                                          คนงานรีบรื้อถอนผนังไม้ที่ผุพังออกเพื่อด าเนินการซ่อมแซม ก่อนจะน าผ้าใบมาขึงไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันลม ฝนสาดเข้าบ้าน

ฝนที่เทลงมาบ่อยครั้งขึ้น ท้าให้จิตอาสาฉือจี้ยิ่งห่วงใยสภาพความเป็นอยู่ของสมาชิกทั้งเจ็ดคนในครอบครัว ของคุณนวลฉวี เกรงว่าวันหนึ่งสภาพบ้านจะทนทานกับลมฝนที่โหมกระหน่ำไม่ไหว โดยเฉพาะหากเกิดเหตุ ไม่คาดฝันขึ้นในยามค้ำคืน จึงได้ขอร้องให้ผู้รับเหมาช่วยเร่งด้าเนินการซ่อมแซมให้โดยเร็วที่สุด ขอบพระคุณ คุณธรรมศาสตร์ที่เข้าใจถึงความจำเป็นนี้ จึงรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะโดยไม่ลังเลใจแต่อย่างใด ก่อนจะ เรียกคนงานกลุ่มหนึ่งจากในตัวเมืองให้รีบมาหน้างาน และเริ่มด้าเนินการซ่อมแซมตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2562 เป็นต้นมา โดยการรื้อฝาบ้านชั้นสองที่ผุพังจากปลวกที่กัดแทะ ก่อนจะขึงด้วยผ้าใบกันฝนไว้เป็น การชั่วคราว “เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการพักอาศัย เราจะท่าชุดต่อชุดไป คือ รื้อฝาด้านหนึ่งแล้ว ก็ซ่อม ฝาด้านนั้นให้เสร็จ ก่อนจะไปด่าเนินการอีกด้านครับ” คุณธรรมศาสตร์อธิบายถึงลำดับขั้นตอนในการ ซ่อมแซม

 

20190531-16-bytar resize                                                          พี่สาววัย 65 ปี ของคุณนวลฉวี ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะนั่งอยู่บนเตียง จิตอาสาฉือจี้อุ้ม หลานชายตัวน้อยของคุณนวลฉวีที่มาเยี่ยมเยียน

เมื่อได้พบผู้รับเหมาและจิตอาสาฉือจี้ในวันนี้ ทำให้คุณนวลฉวีได้พบกับความหวังที่รอคอยมาอย่างยาวนาน ในหัวใจเปี่ยมด้วยความขอบพระคุณ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา การนอนติดเตียงทำให้สองขา ของลูกชายลีบเล็ก สองมือก็เป็นเหน็บชาไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คุณนวลฉวีต้องแบกลูก ชายซึ่งหนักกว่า 70 กิโลกรัมขึ้นลงบันได เพื่ออาบน้ำด้วยล้าพังตัวคนเดียวเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งสี่ปี ก่อน จิตอาสาฉือจี้คุณเฉินซิ่วเจียและคุณจางฮุ่ยหลัน ได้ช่วยประสานงานให้กั้นห้องขึ้นใหม่ในบริเวณชั้นหนึ่ง ของบ้าน เพื่อย้ายลูกชายจากชั้นสองลงมา เมื่อก่อนสมาชิกในครอบครัวทั้ง 7 คน ต่างนอนบนชั้นสองของบ้าน แต่ทุกวันนี้คุณนวลฉวีและหลานสาวอีกหนึ่งคน แทรกตัวอยู่ในมุมเล็กๆ ข้างเตียงของลูกชาย พี่สาวก็ นอนอยู่บนเตียงที่วางอยู่ข้างประตู ส่วนหลานสาวที่เหลืออีกสามคน ยังคงนอนบนพื้นชั้นสองของบ้านที่สั่นไหวอยู่เรื่อยๆ


4
สร้างคุณค่าแหงชีวิต หนทางข้างหน้าไม่หมดหวัง

เนื่องจากบุตรชายและพี่สาวต้องมีคนคอยดูแลอยู่ตลอด ทำให้คุณนวลฉวีไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้าง จริงจังได้ ดังนั้น นอกจากเงินจุนเจือชีวิตความเป็นอยู่จากฉือจี้แล้ว ครอบครัวคุณนวลฉวียังอาศัยรายได้จาก การ “มอบเงินช่วยเหลือด้วยการทำงาน”ของชาวฉือจี้ เดือนละ 8 วัน เพื่อมาช่วยทำความสะอาดสถานธรรม จิ้งซือ อีกทั้งงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ข้างนอกอีก

 

บางครั้งที่ค่าใช้จ่ายไม่พอจริงๆ ก็ไปอาศัยพึ่งพิงวัดใกล้บ้าน หรืออาศัยหยิบยืมข้าวของที่จำเป็นมาใช้ก่อน เนื่องจากลูกชายป่วยติดเตียง ทำให้มีโรคแทรกซ้อนหลายอย่างตามมา จนภายหลังต้องไปพบแพทย์เป็น ประจำ เดือนละ 2-3 ครั้ง ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมาก คุณนวลฉวีในฐานะ “แม่” ด้วยปัจจัยทางสุขภาพ ประกอบกับต้องแบกลูกชายอยู่บ่อยครั้ง ท้าให้กระดูกสันหลังผิดรูป ข้อเข่าเสื่อมและอักเสบรุนแรง จนอดกังวลใจไม่ได้ว่า จะดูแลครอบครัวไปได้อีกนานเท่าไร



20190310-058-bylek resize

                                                    คุณนวลฉวี (คนแรกจากขวา) จะรับหน้าที่เป็นแม่ครัวจิตอาสาทุกครั้ง ในการช่วยเตรียมอาหารกลางวันให้กับ ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมมอบสิ่งของช่วยเหลือครอบครัว

                                                    ที่ฉือจี้ให้การดูแลระยะยาว ณ สถานธรรมจิ้งซือ

 

จิตอาสาฉือจี้ถามว่า “ความเป็นอยู่ก็ลำบากขนาดนี้แล้ว ทำไมยังต้องช่วยเลี้ยงลูกให้พี่ชายอีก” คุณนวลฉวี ตอบว่า “หลานสาวทั้งสี่คนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เรียกฉันว่าแม่กันหมด ฉันเลยรักเหมือนลูก” สำหรับพี่สาวนั้น เนื่องจากลูกๆ ไม่มีกำลังดูแลได้ จึงมาฝากฝังให้คุณนวลฉวีช่วยดูแลอีกแรง คุณนวลฉวีกล่าวเสมอว่า ทุกคนในครอบครัวล้วนเป็นภาระหน้าที่แห่งความสุขทั้งสิ้น และขอบคุณฉือจี้ที่เคียงข้างในคืนวันแห่งความทุกข์ยากมาโดยตลอด

 อย่างไรก็ตามแม้จะขาดแคลนทรัพยากรเงินทอง จนหายใจไม่ทั่วท้อง ทว่าหัวใจที่ต้องการ “ตอบแทน” ของ คุณนวลฉวี กลับอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่ทราบว่าฉือจี้ต้องการกำลังจิตอาสาช่วยงาน ท่านก็จะ รับปากโดยไม่ลังเล โดยมีบุตรชายคอยให้การสนับสนุนเป็นแรงใจให้อยู่ทุกครั้งไป

คุณนวลฉวีขอบคุณการดูแลของฉือจี้ และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ยากลำบากเหมือนตนเอง ถนอมโอกาสที่จะเปลี่ยนจากหงายมือรับ เป็นคว่ำมือลงเป็นผู้ให้ ตามโอกาสที่ตนเองสะดวก โดยกล่าวว่า “ชาวฉือจี้ช่วยเหลือเรามากมายถึงเพียงนี้ หากมีอะไรที่ช่วยเหลือได้ ฉันก็ยินดีจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แม้เราจะเป็นเพียงพลังเล็กๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าพลังเล็กๆ ของเราทุกคนมารวมกันเข้า มันก็จะ กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ค่ะ”

ก่อนเดินทางกลับ คุณนวลฉวีเดินมาส่งจิตอาสาฉือจี้ที่หน้าปากซอย ด้วยรอยยิ้มแห่งความตื้นตัน ก่อนจะหัน หลังกลับไปหาภาระหน้าที่แห่งความสุขของตนเองที่รออยู่ที่บ้านต่อไป

 


เรื่อง หลูจิ่นสู  แปลไทย  บุษรา สมบัติ  ภาพ รัตนโชติ ประมลทรัพย์, ประยงค์ กรฉ่่า, พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี