ชีวิตประจำวันของเรา ย่อมหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม หลังจากไม่ได้พบใครคนหนึ่งมาเนิ่นนาน วันนี้เมื่อได้ยินว่าเขาคนนั้นจะมา ในใจก็เกิดความรู้สึกปีติยินดี ทั้งหมดนี้ย่อมต้องมีเหตุและปัจจัย แต่บางครั้งเมื่อได้ยินว่าใครอีกคนจะมา ก็กลับคิดไปว่า ทำไมเขาต้องมาด้วย เกิดความไม่ปีติขึ้นในจิตใจ นี่ก็เป็นสิ่งที่มีเหตุปัจจัยเหมือนกัน
หากมีเหตุปัจจัยที่ดี ก็จะก่อเกิดเป็นบุญสัมพันธ์ แน่นอนว่า เมื่อคนที่มีวาสนาที่ดีต่อกันจะมาเยี่ยมเยือน เราก็ย่อมตั้งหน้าตั้งตารอคอย แต่เมื่อคนวาสนาไม่ดีต่อกันจะมา ก็ย่อมรู้สึกรังเกียจต่อต้าน ในชีวิตประจำวันของเราก็เช่นกัน เหตุปัจจัยไม่ได้อยู่แค่ในปัจจุบัน เพราะสิ่งที่ทำในตอนนี้คือเหตุปัจจัยในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็มีเหตุปัจจัยมาจากอดีต ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอ ต้องผูกบุญวาสนาที่ดีกับทุกคน หากได้มีโอกาสพบกันอีกในภายภาคหน้า จึงจะมีแต่ความปีติยินดี เพราะการสร้างเหตุที่ดี ย่อมมีผลที่ดีเกิดตามมา
รูปโดย ดรรชนี สุระเทพ
เด็กสองนามสกุล
กาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุผู้มักจะอาพาธอยู่บ่อยครั้ง โรคภัยไข้เจ็บทำให้ท่านดำรงชีวิตด้วยความยากลำบาก แต่กลับได้รับการดูแลจากพุทธศาสนิกชน ผู้ซึ่งไม่เพียงถวายโอสถ แต่ยังถวายภัตตาหารมาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะบุญกุศลจากการดูแลปรนนิบัติภิกษุผู้อาพาธ ทำให้เขาได้ขึ้นไปเสวยสุขอยู่บนสรวงสวรรค์ เมื่อกลับมาเกิดบนโลกมนุษย์ ก็อยู่ในครอบครัวเศรษฐี เมื่อสิ้นอายุขัยก็ได้ไปเกิดบนสรวงสวรรค์อีก เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายภพหลายชาติ
จนมาถึงชาตินี้ เขาได้กลับมาเกิดในสมัยของพระศากยมุนีพุทธเจ้า หลังจากลืมตาดูโลกได้ไม่นาน แม่ของเขาก็เสียชีวิตลง พ่อจึงแต่งงานใหม่ แต่แม่เลี้ยงไม่เพียงไม่รักไม่ทะนุถนอมเขา แต่กลับมีจิตใจที่โหดร้ายทารุณ และคิดจะกำจัดเขาอยู่หลายครั้งหลายครา มีครั้งหนึ่งเธอจงใจโยนลูกเลี้ยงเข้าไปในเตาไฟ แต่เขาก็รอดมาได้ มีอีกครั้งหนึ่งที่เธอโยนเขาลงไปในน้ำเดือด แต่ก็รอดมาได้เหมือนเดิม
จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่เลี้ยงได้พาเขาไปที่ริมแม่น้ำอันกว้างใหญ่ เธอฉวยโอกาสตอนที่ลูกเลี้ยงเผลอ ผลักเขาให้ตกลงไปในแม่น้ำ จนกระทั่งถูกปลาตัวใหญ่กลืนเข้าไป จากนั้นก็มีชาวประมงที่เหวี่ยงแหออกไปจับปลาตัวนี้มาได้ เขาจึงผ่าท้องปลาออกดู จนพบว่าเด็กน้อยยังมีชีวิตอยู่ ชาวประมงจึงพาเขากลับบ้าน ชุบเลี้ยงดูแลด้วยความรัก และทะนุถนอมเหมือนลูกของตนเอง
เมื่อพ่อผู้บังเกิดเกล้าของเด็กน้อยได้ยินข่าวลือดังกล่าว ก็ทำให้รู้ว่าลูกชายของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง จึงได้ออกไปตามหาเขา และพบว่าชาวประมงเลี้ยงดูลูกชายได้จนน่ารักน่าชัง พ่อแท้ๆ จึงพูดขึ้นว่า “เราต้องการเด็กคนนี้คืน”
แต่ชาวประมงเห็นว่า “เพราะพวกท่านไม่ต้องการเขาแล้ว จึงได้พาไปทิ้งลงแม่น้ำปล่อยให้ปลากิน แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เราจับปลาตัวนี้ได้ เหมือนเป็นการเกิดใหม่ของเขา เราเก็บมาเลี้ยง รักและทะนุถนอมสุดหัวใจ จะคืนให้ได้อย่างไร”
พ่อแท้ๆ จึงบอกว่า “เด็กคนนี้รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง ก็เพราะว่าเขากับเรายังมีวาสนาเป็นพ่อลูกกันอยู่ เราจึงต้องพาเขากลับไปให้ได้”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงมีปากเสียงกัน ขณะนั้นจึงมีคนจำนวนมากได้เข้ามาช่วยตัดสิน เพื่อให้ความเป็นธรรม โดยบอกว่า “เขาเป็นลูกแท้ๆ ของคุณ คุณก็ควรจะรับเขากลับไปเลี้ยงและทะนุถนอมให้ดี แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นลูกของคุณด้วย เพราะเขาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ คุณเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง แล้วตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี เอาอย่างนี้แล้วกัน เขาเป็นลูกชายของทั้งคู่ สามารถใช้นามสกุลของท่านทั้งสองได้ ดังนั้นเขาจึงใช้สองนามสกุลร่วมกัน”
หลังจากผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง แต่ก็ยังรอดชีวิตมาได้ เพราะเหตุปัจจัยจากการช่วยดูแลภิกษุผู้อาพาธเมื่อชาติปางก่อน ไม่เพียงแต่ถวายโอสถ แต่ยังถวายภัตตาหาร จึงทำให้ได้ขึ้นไปเสวยสุขบนสวรรค์ แม้ชีวิตในภพชาตินี้ จะไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไร แต่เขาก็มีอายุถึง 160 ปี ถือเป็นผู้ที่อายุมั่นขวัญยืนจริงๆ ทั้งหมดนี้คือบุญวาสนา
โลกมนุษย์มีทุกข์มากมาย ความเจ็บป่วยถือเป็นทุกข์สูงสุด เมื่อเราพบเห็นผู้เจ็บป่วย ในใจก็จะบังเกิดความสงสาร เจ็บที่กายเขา ปวดที่ใจเรา เขาทุกข์ เราเศร้า แน่นอนว่าเราย่อมต้องเข้าไปช่วยรักษา มอบยา มอบอาหาร เมื่อเราเห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต้องรีบพาไปหาหมอ ถ้าเขาไม่มีเงินค่ายาจะทำอย่างไรดี เราก็ต้องช่วยเหลือ ถ้าครอบครัวของเขาลำบากยากจนจะทำอย่างไรดี เราก็ต้องรีบหาวิธีให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเขา
ไม่ว่าในอดีตจะทำกรรมชนิดใดไว้ จนต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อยครั้งในภพชาตินี้ เราก็ต้องยอมรับอย่างเต็มใจ แต่เมื่อเรารู้ผลกรรมในชาตินี้แล้ว ก็ต้องรีบออกไปเสียสละช่วยเหลือผู้อื่น ต้องหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอ ถ้าหากเราเสียสละด้วยความเต็มใจอยู่ประจำ โดยไม่ร้องขออะไรและลงมือทำต่อไป ย่อมถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อนั้นเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดี เราต้องรักษาความคิดจิตใจของตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ากับใครหรือเหตุการณ์ไหนก็อย่ามีทิฐิ อย่าไปยึดติด ต้องสร้างเหตุปัจจัยอันดี ต้องหมั่นผูกบุญสัมพันธ์ นี่เป็นสิ่งที่ต้องตั้งใจปฏิบัติอยู่เสมอ