เมื่อจิตใจของเราตั้งมั่นในทิศทางที่ถูกต้อง เมื่อนั้นเส้นทางการเดินก็จะไม่คลาดเคลื่อน ทุกคนจึงต้องฝึกฝนจิตใจให้ตั้งมั่นไม่เอนเอียง เพราะเมื่อไรจิตใจผิดเพี้ยน เมื่อนั้นแต่ละก้าวก็จะผิดพลาด ดังนั้น เราจึงต้องมีจิตใจที่มั่นคง และรักษาปณิธานให้แน่วแน่ไม่แปรปรวน
บางครั้งคนเรามักจะแยกแยะเหตุผลไม่ออก สมัยโบราณผู้คึกษาลัทธิขงจื๊อต่างก็รู้ว่า ต้องรักษาจิตใจให้ดี ดูแลความคิดและปณิธานให้มั่นคง ดังนั้น จึงต้อง “กระจ่างในสัจธรรม” อยู่เสมอ ถ้าจะเข้าใจได้ ก็ต้องไปเรียนรู้และทำความเข้าใจ ถ้าจะรู้แจ้งในสัจธรรมก็ต้องเข้าใจในจิตเดิมแท้ของคนเรา
ดังนั้น เราจึงต้องทำความเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างรอบตัวให้ถ่องแท้ และปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ไม่ว่ากับใครหรือสิ่งไหน ก็ต้องมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ
อาจารย์มักจะบอกกับทุกคนเสมอว่า ต้องเสียสละด้วยความจริงใจ ปราศจากความฟุ้งซ่าน ต่างฝ่ายต่างใช้จิตสำนึกที่รู้ผิดชอบชั่วดีทุ่มเทเสียสละ ซึ่งถือเป็นการบำเพ็ญตนอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะทำงานอะไร หากทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตก็จะเป็นที่ยอมรับของผู้คน
นับจากนี้เป็นต้นไป เราควรอยู่ร่วมกันด้วยความสมัครสมานกลมเกลียว และให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อคนอื่นช่วยเหลือเรา เราควรขอบพระคุณเขา เมื่อเขาขอความช่วยเหลือ เราก็ต้องช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ เมื่อทุกคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทุกวันก็จะมีแต่ความปีติสุข
รูปภาพโดย บุษรา สมบัติ
ไฟส่องทางด้วยน้ำใจ
ในเกาหลี มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ผู้คนดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย พออยู่พอกิน ถนนหนทางทั้งคับแคบและคดเคี้ยว บ้านเรือนก็สร้างแบบสมถะ จนแทบจะปลิวไปตามสายลมได้ ขณะเดียวกันก็มีถนนเล็กๆ ที่คดเคี้ยว และเต็มไปด้วยหลุมบ่อ จนผู้คนมักจะสะดุดล้มในตอนกลางคืน
ท้ายซอยมีบ้านหลังหนึ่งที่ทั้งเก่าและผุพัง แต่พอตกเย็นจะจุดโคมไฟไว้หน้าบ้านอยู่เสมอ จากนั้น คุณยายคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ข้างนอกจุดไฟหรือยัง” คุณตาก็ตอบว่า “เรื่องสำคัญแบบนี้ จะไม่จุดไฟได้อย่างไร”
ดวงตาของทั้งสองต่างก็มองไม่เห็น ถ้าอย่างนั้นจะจุดไฟไว้ทำไม นั่นเพราะพวกเขามักจะได้ยินเสียงคนอื่นเดินเตะบางอย่างจนหกล้มอยู่บ่อยครั้ง แม้การจุดไฟจะไม่มีประโยชน์อะไรกับทั้งคู่ แต่จะช่วยคนอื่นที่ตาดีได้เป็นอย่างมาก
ในปีนั้นหิมะตกหนักมาก ชายชราผู้หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่เนินเขาใกล้เคียง ได้ลากเกวียนที่บรรทุกถ่านไม้เต็มคัน มาถึงหน้าบ้านของผู้เฒ่าที่ดวงตามองไม่เห็นทั้งสอง จากนั้นจึงค่อยๆ เทถ่านไม้ลงบนถนน แล้วเกลี่ยไปจนถึงปากซอย
พอรุ่งเช้าผู้เฒ่าทั้งสองก็สงสัยว่า มีใครเอาอะไรมาปูถนน ทำให้เวลาเดินไม่ลื่นล้ม ไม่เช่นนั้นหิมะตกหนักอย่างนี้ ถนนก็เป็นเนิน เวลาเดินจะลื่นมาก ขอบคุณจริงๆ ใครหนอช่างใจดี นำถ่านไม้มาปูถนนให้
ช่างเป็นเรื่องราวที่แสนอบอุ่นใจ การให้เกียรติและถนอมน้ำใจซึ่งกันและกันเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการดูแลกันด้วยความรัก ชีวิตก็เรียบง่ายเช่นนี้เอง การเสียสละเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้จะไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่ถ้ามันจำเป็นสำหรับผู้อื่น เราก็เต็มใจทำ
แท้จริงแล้ว แทนที่จะอยากมีอยากได้ไม่รู้จบ เราควรดูแลผู้อื่นและทำสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือพวกเขา นี่คือการมีจิตใจที่ดี หากเป็นเช่นนั้น เราก็จะมีคุณธรรมนำทาง วิถีแห่งความดีก็จะราบรื่น นี่เป็นหนทางไปสู่การรู้แจ้ง ซึ่งไม่ยากที่จะเจริญรอยตาม ตราบเท่าที่เราได้ให้ความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นคุณธรรมประจำใจชั่วชีวิตเรา
ดังเช่นเรื่องราวที่ได้เล่ามา ช่างงดงามยิ่งนัก ผู้เฒ่าทั้งสองต่างมองไม่เห็น แต่ยังจุดไฟส่องทางให้คนตาดีได้เห็นทาง หิมะตกหนักจนถนนหนทางลื่นไปหมด แต่เพื่อให้ผู้เฒ่าทั้งสองไม่ลื่นล้ม ชายชราที่อยู่บนเขาก็อุตส่าห์นำถ่านไม้มาปูทางให้ นี่ไม่ใช่จิตแห่งพุทธะหรอกหรือ
ถึงจะเป็นคนธรรมดา ทำในสิ่งที่ง่ายดาย แต่ก็น่าตื้นตันใจ ดังนั้น เราจึงต้องดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความเคารพนอบน้อมกับทุกคน ต้องเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ จึงจะมีสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุขได้