ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนปรารภว่า เสียงนกกาที่เจื้อยแจ้วอยู่ข้างนอก ท่ามกลางความสงบเงียบนั้นไพเราะยิ่งนัก ถือเป็นความสุขในชีวิตประการหนึ่ง หากทุกคนสามารถตื่นรู้ได้เสมอว่า จิตของสรรพสิ่งนั้นล้วนบริสุทธิ์ผุดผ่องเฉกเช่นเดียวกัน
ตอน กวางจ่าฝูงผู้เมตตา
เวลาผ่านไป วันแล้ววันเล่า ทั้งผู้คน เรื่องราวหรือสิ่งต่างๆ ที่เราได้ประสบพบเจอ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ล้วนตราตรึงอยู่ในจิตใจเรา ถ้าหากเราปฏิบัติต่อผู้คน เรื่องราวหรือสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตไม่ดี สร้างเวรกรรมต่อกัน ทำให้แม้แต่ธรรมะอันบริสุทธิ์ ก็อาจถูกแปดเปื้อนให้มัวหมองได้
ตอน ลิงผู้เมตตา
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ร่างกายของมนุษย์เราก็เหมือนกับ “ภาชนะบรรจุความดี” เราสามารถเกิดเป็นมนุษย์ สามารถรู้ซึ้งว่า มนุษย์เราเดิมทีนั้นเปี่ยมไปด้วยพุทธจิต เราก็ควรใช้โอกาสที่เราได้เกิดเป็นมนุษย์นี้ หมั่นเพียรบำเพ็ญธรรม เพราะเราไม่รู้ว่า จิตใจของเราแปดเปื้อนด้วยกิเลสจากภพชาติก่อนมามากน้อยเพียงใด ภายในจิตใจของแต่ละคนนั้น ล้วนสั่งสมกิเลสอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมักจะเกิดการต่อสู้กันระหว่างความดีและความชั่วที่อยู่ภายในจิตใจอยู่เสมอ
ตอน น้ำส้มสายชูหวานแลกน้ำ
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนกล่าวว่า เวลาผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไปเลยไม่หวนกลับ เราจึงต้องเตือนตนเองเสมอว่าชีวิตนั้นแสนสั้น และยากที่จะค้นพบเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ดังนั้น เมื่อเราได้พบจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายนั้นแล้ว ก็ขออย่าได้เดินหลงผิด ออกจากทางสายนี้อีกเลย
ตอน จ่าฝูงหนูป่ากับแร็กคูน
พระพุทธองค์มักจะใช้การอุปมาอุปไมยเพื่อสอนสั่งสานุศิษย์ ดังเช่นในนิทานชาดกตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ขณะที่พระพุทธองค์ประทับอยู่กับสงฆ์สาวกจำนวนมาก ณ วัดเชตวันนั้น เช้าวันหนึ่งเหล่าภิกษุสงฆ์จำนวนหนึ่ง ได้ล้อมวงกันเสวนาว่า มีพระสงฆ์ที่เจ้าโวหาร คารมคมคาย ซึ่งพูดจาดีฟังเหมือนจะมีเหตุมีผลรูปหนึ่ง ทว่ากลับมีพฤติกรรมส่วนตัวที่ชอบหลอกลวงผู้คน และทำผิดกฏอยู่เสมอ ดังนั้น เหล่าภิกษุสงฆ์จึงคิดว่า ภิกษุที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จึงได้หาตัวแทนเพื่อนำเรื่องนี้ไปรายงานแด่พระพุทธองค์