ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนกล่าวว่า เวลาผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไปเลยไม่หวนกลับ เราจึงต้องเตือนตนเองเสมอว่าชีวิตนั้นแสนสั้น และยากที่จะค้นพบเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ดังนั้น เมื่อเราได้พบจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายนั้นแล้ว ก็ขออย่าได้เดินหลงผิด ออกจากทางสายนี้อีกเลย
พระพุทธองค์ทรงใช้ความวิริยะอุตสาหะ อธิบายธรรมะอันลึกซึ้ง ผ่านเรื่องเล่าต่างๆ เพื่อให้ปุถุชนคนธรรมดาสามารถเข้าใจสัจธรรมเหล่านี้ได้โดยง่าย
รูปโดย รติกร มณีฉาย
น้ำส้มสายชูหวานแลกน้ำ
ณ หมู่บ้านอันแสนห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่หลายครอบครัวต่างก็มีฐานะยากจน หนึ่งในนั้นคือหญิงชราที่พยายามเก็บหอมรอมริบ ด้วยความใฝ่ฝันต้องการซื้อน้ำส้มสายชูหวานมาลิ้มลองรสชาติ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อหญิงชราได้รับค่าแรง จึงคิดว่า “ฉันมีเงินมากพอแล้ว น่าจะเข้าไปซื้อน้ำส้มสายชูหวานในตัวเมืองได้แล้ว”
ดังนั้นรุ่งเช้า หญิงชราจึงเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สาง จนถึงเที่ยงซึ่งอากาศกำลังร้อนอบอ้าว เธอก็หาซื้อน้ำส้มสายชูหวานได้ และกำลังจะเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทาง เธอเห็นพ่อค้ากำลังขายมะขามป้อม ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เธอใฝ่ฝันจะได้ลิ้มลองรสชาติ จึงตัดสินใจนำเงินที่เหลือติดตัวเพียงเล็กน้อย ซื้อมะขามป้อมมาหนึ่งลูก และไปแวะพักนั่งกินมะข้ามป้อมที่ใต้ต้นไม้ข้างทาง รสชาติอันหอมหวานของมะขามป้อมทำให้หญิงชรามีความสุขยิ่งนัก เมื่อกินเสร็จ เธอจึงออกเดินทางต่อ
ขณะที่เดินก็รู้สึกกระหายน้ำ ในตอนนี้เองที่หญิงชราเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังซักผ้าอยู่ข้างแอ่งน้ำ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ และพบว่าเป็นแอ่งน้ำที่ลึกมาก จึงพูดกับหญิงสาวที่กำลังซักผ้าอยู่คนนั้นว่า “เธอช่วยใช้ถังตักน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหม” หญิงสาวคนนี้มีน้ำใจ จึงช่วยตักน้ำให้หญิงชราดื่ม
หญิงชรายกน้ำขึ้นดื่ม และรู้สึกว่าทำไมน้ำที่นี่จึงหอมหวานถึงเพียงนี้ เธอคิดในใจว่า “ฉันได้ยินคนบอกว่าน้ำส้มสายชูหวานอร่อยมาก แต่ก็ต้องนำกลับไปปรุงอาหารที่บ้าน ถึงจะมีของอร่อยกิน แต่น้ำในแอ่งนี้ ไม่ต้องปรุงอะไรก็ทั้งหอมและหวานถึงเพียงนี้ ฉันจะขอแลกน้ำส้มสายชูหวานกับน้ำในแอ่งนี้ดีไหมนะ”
ครั้นแล้ว หญิงชราจึงบอกความประสงค์ของเธอกับหญิงสาวที่กำลังซักผ้า ทำให้หญิงสาวผู้นั้นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “น้ำส้มสายชูหวาน ไม่ใช่คนทั่วไปจะได้กิน หญิงชราผู้นี้ดูไปก็ไม่ใช่คนร่ำรวย กว่าจะได้น้ำส้มสายชูหวานขวดนี้มาคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทำไมถึงยอมเอามาแลกกับน้ำเปล่านะ”
แต่หญิงชราก็พูดขึ้นมาว่า “ขอร้องล่ะ การดื่มน้ำในแอ่งนี้ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าการได้กินน้ำส้มสายชูหวานเสียอีก” หญิงสาวผู้ซักผ้าจึงได้แต่ตอบกลับไปว่า “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็แลกกัน”
หญิงชราดีใจมาก จึงรีบนำน้ำเปล่ากลับไป เมื่อกลับถึงบ้าน จึงบอกกับทุกคนว่า “วันนี้ฉันไปซื้อน้ำส้มสายชูหวานในเมืองมา แต่ระหว่างทางได้ดื่มน้ำจากแอ่งน้ำแห่งหนึ่งซึ่งรสชาติดีกว่าน้ำส้มสายชูหวานเสียอีก มาเถิด ฉันจะแบ่งให้ทุกคนดื่ม”
เมื่อทุกคนได้ดื่ม กลับพบว่าน้ำดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นและรสเฝื่อนมาก หญิงชราตกใจ คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ จึงลองดื่มเองอีกครั้ง จนพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ สรุปแล้วอะไรคือต้นเหตุของปัญหา
สุดท้ายเธอจึงคิดได้ว่า เพราะเธอกินมะขามป้อมที่ทั้งหอมและหวานเข้าไป รสชาตินั้นจึงยังติดอยู่ในปาก เมื่อกระหายน้ำและได้ดื่มน้ำเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อย จึงรู้สึกหวานชื่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อหญิงชราลองก้มลงสังเกตน้ำเหล่านี้ ก็พบว่าเป็นน้ำที่ไม่สะอาดเสียด้วยซ้ำ ทำให้เธอรู้สึกขุ่นข้องหมองใจยิ่งนัก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อคุณต้องการสิ่งใด คุณก็ต้องพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น แต่ในระหว่างทาง หากจิตใจของคุณไม่หนักแน่นพอ ก็มักจะถูกสิ่งยั่วยุ หลอกล่อได้โดยง่าย เช่นเดียวกับหญิงชราผู้นี้ ทั้งๆ ที่ซื้อน้ำส้มสายชูหวานได้แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ลิ้มลองรสชาติของมันด้วยตัวเอง ก็ปล่อยให้รสชาติของมะขามป้อมที่แวะกินระหว่างทาง ทำให้จิตใจเกิดความสับสน จนยอมเสียน้ำส้มสายชูหวานไป เพื่อแลกกับน้ำธรรมดาที่ไม่สะอาดด้วยซ้ำ กว่าจะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว
พระพุทธองค์ทรงใช้เรื่องเล่าง่ายๆ เหล่านี้ สอนและชี้แนะให้เหล่าปุถุชนได้เข้าใจในสัจธรรม นี่คือพระปัญญาญาณของพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้ฟังธรรมะแล้ว ก็ขอให้นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์
อย่าเป็นเช่นหญิงชราผู้นี้ แท้จริงแล้ว สิ่งที่เธอต้องการนั้นไม่ได้มากมายอะไรเลย แค่เพียงน้ำส้มสายชูหวานหนึ่งขวด เมื่อได้มันมาไว้ในมือแล้ว ก็ควรรีบกลับไปบ้าน เพื่อลิ้มลองรสชาติความหวานของมัน จึงจะถูกต้อง แต่ระหว่างทาง เธอกลับปล่อยให้มีสิ่งอื่นมาล่อหลอก ทำให้การเดินทางของเธอต้องสูญเปล่าและต้องเสียค่าตอบแทนเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด
ดังนั้น เราจึงต้องมีเป้าหมายที่ถูกต้อง ต้องพากเพียรเดินไปบนเส้นทางสายนี้อย่างมีสติ ขอให้ทุกคนมีความตั้งใจ