ค้นหาข่าว

เรื่องราวของล่ามแปลภาษา - คุณอาดีล

20180325-024-bykashif resize

 

เรื่องราวของล่ามแปลภาษาที่มาทำหน้าที่ในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีที่มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยทุกๆเดือน เขามีชื่อว่า “อาดีล” อายุ 29 ปี มาจากประเทศปากีสถาน มีน้องชายคนเล็ก 1 คน ซึ่งก็ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีเช่นเดียวกัน

1
การเตรียมงานช่วงเวลาเช้า

อาดีลเดินทางมาถึงที่สถานธรรมจิ้งซือ ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีตั้งแต่เช้าตรู่ และเริ่มปฏิบัติหน้าที่โดยการเซ็นชื่อในหน้าที่ล่ามแปล สวมใส่ผ้าปิดปากและเสื้อกั๊กจิตอาสา พร้อมเริ่มงานในจุดบริการที่บริเวณเต็นท์ด้านหลัง 

 

20180325-003-bykashif resize

▲ในวันกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี อาดีล (ขวา 1) เดินทางมาถึงสถานธรรมจิ้งซือตั้งแต่เช้าตรู่

 

20180325-006-bykashif resize

▲หลังจากเซ็นชื่อในแบบฟอร์มล่ามแปลภาษาแล้ว คุณอาดีล (ซ้าย 2) ก็เริ่มงานล่ามแปลในวันนั้น

2
ประสบการณ์อันดีกับฉือจี้

ทุกคนที่ได้มาร่วมทำงานกับฉือจี้ล้วนได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไปทุกๆครั้ง เช่นเดียวกับ อาดีล ซึ่งเขาได้แบ่งปันว่า “ผมได้มาทำงานกับฉือจี้มาเป็นเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกัน และรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานเพื่อสังคม ในวิธีที่ดีที่สุดที่ผมสามารถทำได้”

 

3
หน้าที่ความรับผิดชอบของอาดีล

อาดีล รับหน้าที่เป็นผู้จัดการของภายในเต็นท์ (จุดบริการที่ 1 - จุดบริการที่ 8) โดยมีหน้าที่หลัก 2 อย่างคือ คือ 1. การดูแลความเรียบร้อยของล่ามแปลภาษาทุก ๆ คนในแต่ละจุดบริการ เช่น คอยดูแลว่าไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะกันหรือไม่ หากมีปัญหาเกิดขึ้น เขาก็มีหน้าที่ต้องคลี่คลายแก้ไขปัญหานั้นๆทันที และ 2. การจัดเตรียมสถานที่รับประทานอาหารมื้อเที่ยง

 

20180325-015-bykashif resize

▲คุณอาดีล (ผู้สวมเสื้อกั๊กจิตอาสา ซ้าย 1) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการภายเต็นท์ คลอบคลุมตั้งแต่จุดบริการที่   1 – จุดบริการที่ 8

 

การประพฤติตนของอาดีลมีความสม่ำเสมอมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน เขาทำงานอย่างมีมารยาท แม้แต่กับผู้ป่วยที่ไม่สุภาพ เมื่อถามถึงเรื่องหลักที่เขายึดในการทำงาน เขาแบ่งปันว่า “ผมมักจะทำตามกฎอยู่ข้อหนึ่งซึ่งก็คือ เราควรมีมารยาทและนอบน้อมถ่อมตนกับผู้ป่วยที่เข้ามาทำการรักษาเสมอ และเราควรมีความอดทนในงานที่เราได้รับมอบหมาย”

การทำงานกับผู้คนซึ่งมาจากภูมิฐานและเชื้อชาติที่แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายไม่น้อย อาดีลได้เล่าถึงตัวอย่างปัญหาที่ได้เจอและวิธีแก้ไขปัญหานั้น ๆ เขาเล่าว่า “ตอนนั้นมีปัญหาเล็กน้อย มีคนทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องกล้วยหอม ผมเลยบอกพวกเขาว่า ท้ายที่สุดกล้วยก็คือกล้วย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซึ่งเราไม่ควรเอามาเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน คุณเอากล้วยไปก็ได้ แล้วผมก็คุยให้พวกเขาปรับความเข้าใจและขอโทษซึ่งกันและกัน แล้วปัญหาก็ยุติลง”

มีปัญหาอีกหนึ่งตัวอย่าง เช่น บางครั้งคนไข้ไม่ยอมตามคิวหมายเลข ต้องการลัดคิว อาดีลเล่าให้ฟังว่า “วันนี้เป็นวันดี นอกจากการเกิดเหตุการณ์เล็กน้อยในห้องบรรยายธรรม พอดีมีการปะทะกันระหว่างล่ามแปลกับคนไข้ เพราะคนไข้ต้องการจะลัดคิว ล่ามแปลจึงอธิบายว่าต้องรอตามคิวหมาย จะลัดคิวคนอื่นไม่ได้”

ในเวลาการทำงานและต้องแก้ปัญหาระหว่างบุคคลต่างสัญชาตินั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและค่อนข้างท้าทาย เพื่อไม่ให้กระทบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียความรู้สึก ผู้ที่แก้ไขปัญหาจะต้องเป็นคนที่ใจเย็นและมีจิตใจเมตตา อีกทั้งยังต้องเป็นคนที่มีทักษะในด้านการสื่อสารและมีใจรักในด้านการบริการคนอื่นโดยไม่กีดกัดสัญชาติ ซึ่งอาดีลมีคุณสมบัติเหล่านี้ เขาจัดการสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร เขาตอบว่า “เราต้องใจเย็นและมีความอดทนในการจัดการกับบุคคลอื่น นั่นคือความคาดหมายจากเราเมื่อต้องจัดการกับคนไข้ จริง ๆ ฉันก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากนัก ก็แค่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างใจเย็นและด้วยการมองโลกในแง่บวกเท่านั้นเอง

 

20180325-056-bykashif resize

▲คุณอาดีล (ซ้าย 2 ) กำลังแก้ปัญหาการเข้าคิวรับบริการรักษา

 

4
การเตรียมอาหารกลางวัน

ช่วงพักกลางวันเริ่มตอน 11 โมง 15 นาที จะมีอาหารที่อาสาสมัครทำเตรียมไว้ให้ทุกๆคนรับประทาน รวมทั้งคนไข้ อาสาสมัครแปลภาษา หมอ และเจ้าหน้าที่ทุกคน

การจัดเตรียมสถานที่รับประทานอาหารมื้อเที่ยงเป็นหน้าที่ที่ 2 ของอาดีล อาดีล และทีมล่ามแปลช่วยกันจัดโต๊ะ หลังจากนั้นก็ได้เวลาเสิร์ฟอาหาร อาดีลและทีมล่ามแปลช่วยกันจัดระเบียบความเรียบร้อยในการเข้าคิวตักอาหารและนั่งรับประทานอย่างมีระเบียบ ประมาณ 13.15 น. เสร็จสิ้นการรับประทานอาหารมื้อเที่ยง อาดีลและทีมล่ามแปลก็จัดเก็บสถานที่ให้เรียบร้อยตามเดิม

ต่อมาประมาณ 14.00 น. อาดีลเข้าร่วมประชุมกับหัวหน้าแต่ละจุดบริการ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้จากวันนั้นๆ และพูดคุยปรึกษาถึงวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการประชุมนี้ อาดีลและล่ามแปลร่วมแบ่งปันความคิดเห็นว่า จะปรับปรุงสภาพการทำงานอย่างไร ซึ่งการแบ่งปันนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทางทีมบริหาร เพื่อที่จะปรับปรุงกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีของฉือจี้ให้ดียิ่งๆขึ้นไปในอนาคต

 

5
การเข้าอบรมชั้นเรียนอบรมล่ามแปลภาษา

จิตอาสาฉือจี้จะดำเนินการจัดชั้นเรียนอบรมล่ามแปลภาษาทุกๆ 3 เดือน โดยการอบรมนี้จะแบ่งปันวินัยและหลักการทำงานร่วมกับฉือจี้ เพื่อทบทวนและกำชับด้วยรักแก่ล่ามแปลและหัวหน้าทีม

ในชั้นเรียนอบรมล่ามแปลภาษา พวกเขาจะได้เรียนรู้วิธีการปฏิบัติกับคนไข้ จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ ปกติการอบรมจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเป็นการทบทวนเกี่ยวกับการจัดเตรียมสถานที่สำหรับกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี ช่วงที่สอง ผู้จัดการล่ามจะจัดกิจกรรมให้กับหัวหน้าทีมและล่ามแปลทุกคนทำ เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ทักษะการแปลภาษา

 

 20180324-082-bykashif resize

▲คุณอาดีลเข้าร่วมชั้นเรียนอบรมล่ามแปลภาษา

6
การเรียนรู้ในชั้นเรียนอบรมล่ามแปลภาษา

ปกติแล้วในชั้นเรียนอบรมดังกล่าว ล่ามแปลภาษาจะได้เรียนรู้ทักษะการเป็นล่ามที่ดีอย่างมืออาชีพ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของล่ามแปลทุกคนที่จะต้องร่วมกิจกรรมอย่างมีความสุข เมื่อถามอาดีลว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างจากชั้นเรียนอบรม เขาบอกว่า “พวกเราเรียนรู้ว่าต้องพูดจาด้วยความสุภาพและอ่อนโอนกับคนไข้และผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ทั้งวันที่ฝึกอบรมและวันที่ปฏิบัติจริงหน้างาน มีหลักสำคัญอยู่ข้อหนึ่งของฉือจี้ นั่นก็คือ ในการให้บริการ เราไม่ควรถือตนเป็นใหญ่หรือมีสิทธิ์เหนือผู้อื่น แต่กลับต้องแสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน แสดงถึงความมีมารยาท สุภาพ มีน้ำใจ และโชคดีที่ได้มาช่วยเหลือบริการกลุ่มผู้ลี้ภัยที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย มันทำให้พวกเรามีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคน เพราะนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเหลือพวกเขา”

 

7
การทำงานที่ฉือจี้ในประเทศไทยกับการทำงานที่ประเทศปากีสถาน

อาดีล ได้ทำงานกับมูลนิธิฉือจี้มาเป็นช่วงระยะหนึ่งแล้ว และมีประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน จึงสามารถบอกเล่าประสบการณ์การทำงานระหว่างประเทศปากีสถานและประเทศไทยได้ ที่ปากีสถาน อาดีลเรียนจบทางด้านบัญชีและทำงานเป็นผู้สอบบัญชีในบริษัทน้ำมันของรัฐ (PSO) เขาแบ่งปันช่วงชีวิตตอนนั้นว่า “ผมมีประสบการณ์ที่ดีในประเทศปากีสถาน แต่เนื่องด้วยเหตุการทางศาสนา ทำให้ผมต้องย้ายมาที่ประเทศไทยครับ”

สำหรับในประเทศไทย อาดีลทำงานเป็นผู้จัดการของจุดบริการที่ 1 - จุดบริการที่ 8 ของกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เขาแบ่งประสบการณ์การทำงานกับฉือจี้ว่า “เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ฉันได้มาทำงานกับฉือจี้ และมันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับทุก ๆ คน

 

20180324-086-bykashif resize

▲คุณอาดีล (ผู้ที่ถือไมโครโฟน) ร่วมกิจกรรมพัฒนาทักษะการแปลกับเพื่อน ๆ ล่ามแปลภาษา

 

8
สิ่งที่ได้เรียนรู้อะไรจากการได้ทำงานร่วมกับฉือจี้

การทำงานเป็นล่ามแปลภาษาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีของฉือจี้ ทำให้อาดีลได้เรียนรู้การฟังและสื่อสารกับผู้อื่นอย่างใจเย็น มีมารยาทและนอบน้อม อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆในวิธีที่ดีที่สุด ผู้ป่วยหลายมักจะเต็มไปด้วยกังวลและร้อนใจ ดังนั้น เมื่อพวกเขามารับบริการรักษาที่ฉือจี้ พวกเขาก็ต้องการความพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อาดีลจึงพยายามที่จะไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่นเช่นกัน อาดีลบอกว่ามีคุณสมบัติบางอย่างที่เขาได้เรียนรู้จากฉือจี้ในระหว่างการทำงาน ที่เขาสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันของเขาในวันต่อ ๆ ไป นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของเขาในการทำงานร่วมกับฉือจี้ อาดีลแบ่งปันว่า “ผมเรียนรู้ที่จะเป็นคนใจเย็น และเรียนวิธีการช่วยเหลือสังคมในทางที่ดีที่สุด และผมก็ได้ทำมันจริง ๆ ผมดีใจมากที่ได้ทำงานกับฉือจี้ ฉือจี้สอนให้ผมดูแลและตอบแทนสังคม ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิฉือจี้ครับ”

อาดีล ได้เรียนรู้สิ่งดีๆหลายอย่างจากฉือจี้ ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความนอบน้อมถ่อมตน การดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นและสังคมด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ผู้อ่านบทความนี้สามารถเรียนรู้จากตัวอย่างที่ดีจากอาดีล และนำไปปรับใช้ในชีวิตของตนเอง และนี่เป็นเพียงพลังอันเล็กน้อยที่จะแบ่งปันความรักและความสุขให้กับทุกคน

 

20180324-084-bykashif resize

▲คุณอาดีล (ซ้าย 1) และเพื่อน ๆ ล่ามแปลภาษา ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่จัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี

 

 เรื่อง คุณคาซีฟ อาหมัด คุณจารุภา เตชะศิรินุกูล   ภาพ คุณคาซีฟ อาหมัด