แม้ว่ากิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีเดือนนี้ จะตรงกับวันหยุดยาวเนื่องในวันอาสาฬหบูชา 27 กรกฎาคม และวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร 28 กรกฎาคม ทว่า ยังคงมีจิตอาสามากมาย สละเวลาในวันหยุดยาว มาร่วมให้บริการด้านการแพทย์แก่ผู้เจ็บป่วย
1
จิตอาสาจากแดนไกล ร่วมตอบแทนสังคม
คุณมิคาเอลล่า นักศึกษาแพทย์จากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เดินทางมาศึกษาแลกเปลี่ยนและทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ในระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย 2-3 เดือนนี้ เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตนจะตอบแทนสังคมไทยได้บ้าง “ฉันพบข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ในตอนนั้นฉันกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยในระหว่างที่ฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันจึงได้พบว่าทางมูลนิธิฉือจี้ได้มอบโอกาสที่น่าสนใจมาก ๆ ในการเป็นอาสาสมัคร การได้พบกับคนไข้จำนวนห้าร้อยกว่าคน ฉันไม่ได้มีความรู้ทางด้านการแพทย์มาก แต่ฉันก็อยากจะลองใช้ความรู้ที่มีสร้างโอกาสให้กับผู้อื่น ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ได้ใช้ความรู้ของฉันในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีที่นี่” คุณมิคาเอลล่า แบ่งปันมูลเหตุที่ได้มาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี
24 มิถุนายน 2561 คุณมิคาเอลล่าร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีครั้งแรก โดยช่วยวัดความดันให้ผู้ป่วย ต่อมา 15 กรกฎาคม 2561 คุณมิคาเอลล่า มาร่วมกิจกรรมอีกครั้ง คอยช่วยงานต่าง ๆ ในห้องตรวจตามที่แพทย์ต้องการ และกิจกรรมรักษาพยาบาลในเดือนนี้ คุณมิคาเอลล่าก็ไม่พลาดโอกาสทำงานจิตอาสา เสียสละเพื่อผู้อื่นเช่นเดียวกัน
▲คุณมิคาเอลล่า (ขวา 1) นักศึกษาแพทย์จากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา บริการตรวจวัดความดันให้ผู้ป่วยด้วยความตั้งใจ
▲คุณมิคาเอลล่าคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆในระหว่างที่พ่อแม่ของพวกเขากำลังรับบริการตรวจรักษา
เนื่องจากวันดังกล่าว การไฟฟ้าฯดับไฟเพื่อปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เพื่อให้กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีสามารถดำเนินการได้ดั้งเดิม จิตอาสาฉือจี้ทีมบริหารกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี จึงดำเนินการเช่าเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่มาใช้แทน โดยในระหว่างที่รอช่างไฟต่อไฟฟ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่สามารถให้บริการรักษาพยาบาลได้นั้น คุณมิคาเอลล่าใช้โอกาสอันดีช่วยงานในห้องครัว ทั้งช่วยห่อแซนด์วิซและหั่นสับปะรด แม้จะเป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ทว่า เธอยังคงแสดงออกถึงความทุ่มเทตั้งใจในระหว่างทำงาน
เมื่อเครื่องปั่นไฟสามารถจ่ายกระแสไฟได้แล้ว คุณมิคาเอลล่าก็กลับยังพื้นที่ให้บริการตรวจรักษาเช่นเดิม มิคาเอลล่า ผู้ซึ่งพกหูฟังแพทย์ติดตัวตลอดเวลา ตรวจวัดความดันโลหิตให้ผู้ป่วยอย่างตั้งใจ นอกจากนี้แล้ว เธอยังได้แบ่งปันประสบการณ์การกินเจมานาน 10 ปีของตน แก่ผู้ป่วยที่กำลังรอพบแพทย์ คุณมิคาเอลล่าแบ่งปันว่า “หลังจากที่ไม่ได้รับประทานเนื้อสัตว์เป็นเวลานานหลายปี รู้สึกว่าสุขภาพตัวเองดีมาก จะกล่าวไปแล้ว เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่ไม่จำเป็นเลย เพราะแม้ว่าเราไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ก็ยังได้สารอาหารครบถ้วน”
คุณมิคาเอลล่ามาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี 3 ครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มาร่วมกิจกรรม เธอมักจะไม่ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอมักจะหางานทำอย่างกระตือรือร้น สร้างปฏิสัมพันธ์อันดีระหว่างเด็กและผู้สูงอายุ โดยคุณมิคาเอลล่าจะเดินทางกลับนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ราววันที่ 5 สิงหาคม 2561 ซึ่งจิตอาสาฉือจี้ได้บอกกับเธอว่า ที่อเมริกาก็มีจิตอาสาฉือจี้ และยังจัดกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี เธอบอกว่า เธอชื่นชอบกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีของฉือจี้มาก และยินดีไปช่วยเหลือกิจกรรม อุทิศตนเพื่อผู้อื่น
▲แม้ว่าจะเป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ แต่มิคาเอลล่า (ซ้าย 1)
ก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างตั้งใจ ช่วยหั่นสับปะรดเพื่อเตรียมบริการแก่ผู้ป่วย
▲คุณมิคาเอลล่าพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้ป่วย
▲คุณมิคาเอลล่า (ขวา 1) แบ่งปันประสบการณ์การรับประทานอาหารมังสวิรัติ
และเชิญชวนให้ทุกคนร่วมรับประทานมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพ และร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปในขณะเดียวกัน
2
ไขว่คว้าโอกาสอันดี ทุ่มเทเสียสละด้วยใจสำนึกคุณ
ภายใต้การดูแลของ ผศ.ดร.เหอคุนหมิง ครั้งนี้ยังมีนักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน จำนวน 12 คน ก่อนที่จะเดินทางไปฝึกประสบการณ์สอนที่โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ นักศึกษาได้มาร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี โดยแบ่งกลุ่มไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดบริการต่าง ๆ
คุณน้ำทิพย์ รุ่งนภาศิริวงศ์ จากหมู่บ้านฉือจี้ห้วยหก จ.เชียงราย หลังจากเรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่แล้ว ได้รับทุนจากทางโรงเรียนศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน จากที่เคยเป็นผู้รับความช่วยเหลือในวันนั้น วันนี้เป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ จึงทำให้คุณน้ำทิพย์มีความสุขอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงได้ช่วยเหลือผู้อื่น หากยังเพิ่มพูนประสบการณ์ใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันอีกด้วย
วันดังกล่าว คุณน้ำทิพย์ ช่วยถ่ายเอกเอกสารบัตรประจำตัวของผู้ป่วย ซึ่งในระหว่างให้บริการพบว่า มีทารกน้อยคนหนึ่งร้องไห้งอแงตลอด จนผู้เป็นแม่ไม่สามารถไปรับบริการในจุดต่าง ๆ ได้ น้ำทิพย์จึงอาสาช่วยอุ้มและช่วยปลอบโยน จนทารกน้อยหลับไปในอ้อมแขน ทำให้แม่ของทารกน้อยสามารถไปรับบริการในจุดต่าง ๆ โดยไร้กังวล
และในระหว่างที่ผู้ป่วยรับประทานอาหารมื้อเที่ยง คุณน้ำทิพย์และเพื่อนนักศึกษายังร่วมแสดงภาษามือประกอบเพลง “ให้ความรักแผ่ขยายออกไป” และ “เด็ก ๆ ของโลกใบนี้” ในระหว่างนั้น คุณน้ำทิพย์ได้ชวนน้อง ๆ มาร่วมแสดงภาษามือด้วยกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่า จะคนละภาษา แต่ก็สามารถสื่อสารเข้าใจด้วยภาษามือ ทำให้น้ำทิพย์ได้เข้าใจว่า ความรักอันยิ่งใหญ่ไร้พรมแดนใด ๆ ขวางกั้น
แม้ว่า การร่วมกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี จะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่ได้ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น คุณน้ำทิพย์ แบ่งปันความรู้สึกว่า “การทำจิตอาสาถือเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งค่ะ เพราะทำให้รู้สึกว่าเรากำลังใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ดังคำที่ท่านธรรมาจารย์กล่าวไว้ว่า “อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ลงมือทำอย่างคุ้มค่า” หนูจึงอยากจะใช้เวลาทุกวินาทีของชีวิตให้คุ้มค่า ด้วยการทำความดีค่ะ”
▲คุณน้ำทิพย์ รุ่งนภาศิริวงศ์ ช่วยอุ้มและช่วยปลอบโยนทารกน้อย ทำให้แม่ของทารกน้อยสามารถไปรับบริการต่าง ๆ ได้อย่างไร้กังวล
▲คุณน้ำทิพย์ รุ่งนภาศิริวงศ์ ใช้ภาษามือสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับเด็ก ทลายอุปสรรคด้านศาสนา เชื้อชาติ และภาษา
3
แสดงออกถึงความจริงใจ สัมผัสได้ถึงความซาบซึ้ง
คุณอวี๋ย่าจิ่น นักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ซึ่งช่วยงานในจุดเรียนรู้สำหรับเด็ก พาเด็ก ๆ วาดภาพ ระบายสี จากการดูแลเอาใจใส่พวกเขาด้วยความจริงใจและใกล้ชิด ทำให้คุณอวี๋ย่าจิ่นสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจ อย่างเช่น กระดาษรูปหัวใจที่ใส่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก็คือของที่ระลึกที่เด็ก ๆ มอบให้เธอ “กระดาษรูปหัวใจอันนี้เด็กๆให้มาค่ะ เด็ก ๆ บอกกับฉันว่า เขารู้สึกมีความสุขที่ฉันคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา เขาจึงตัดกระดาษเป็นรูปหัวใจให้ฉันค่ะ ฉันก็เลยนำมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ เพื่อให้ใจของฉันและเด็ก ๆ ได้อยู่ใกล้กันค่ะ”
▲คุณอวี๋ย่าจิ่น (ซ้าย 1) ช่วยดูแลเด็กในจุดเรียนรู้สำหรับเด็ก พาเด็กวาดภาพ ระบายสีอย่างใกล้ชิด
คุณเจิ้งอี้ฉุน นักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน ช่วยแจกขนมขบเคี้ยวที่มูลนิธิร่วมนำมาบริจาค แม้ว่า ในระหว่างทำงาน ไม่ได้คลุกคลีหรือสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับผู้ป่วยเท่าใดนัก แต่จากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ก็ทำให้คุณเจิ้งอี้ฉุนได้เปิดโลกทัศน์ให้กับตนเองได้มากขึ้น คุณเจิ้งอี้ฉุน แบ่งปันว่า “ที่จริงพ่อแม่ของฉันก็เป็นจิตอาสาฉือจี้ ตอนฉันยังเด็ก ฉันก็ร่วมทำจิตอาสากับฉือจี้อยู่บ่อย ๆ ฉันเลยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ เพราะทำให้เราสามารถช่วยคนที่มีโอกาสน้อยกว่าได้ ดังสำนวนที่กล่าวไว้ว่า หากเราได้มาเห็นคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา เราจึงจะรู้ว่าเราโชคดีมากแค่ไหน”
▲คุณเจิ้งอี้ฉุน นักศึกษามหาวิทยาลัยฉือจี้ไต้หวัน (ซ้าย 1) ช่วยแจกขนบขบเคี้ยวที่มูลนิธิรักษ์อาหารนำมาบริจาคให้ผู้ป่วย
เรื่อง คุณดรรชนี สุระเทพ ภาพ คุณพิณญธิชา จันทร์สุขศรี