จากฝนที่ตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำ โดยเฉพาะ หมู่ 7 และหมู่ 13 เทศบาลตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ
วันที่ 21-22 สิงหาคม พ.ศ. 2561 จิตอาสาฉือจี้จากกรุงเทพมหานคร จึงเดินทางโดยเครื่องบินผ่านระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อไปสำรวจพื้นที่ประสบภัยด้วยตนเอง วันที่ 28 สิงหาคม ยังได้เดินทางกลับไปขอคำชี้แนะจากท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนที่ไต้หวัน ก่อนจะกลับเข้าไปสำรวจบ้านผู้ประสบภัยทุกหลังในวันที่ 4-5 กันยายน และมอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวม 223 ครอบครัว ในวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา
1
สำรวจเยี่ยมบ้าน ส่งมอบความห่วงใย
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561 จิตอาสาฉือจี้และเจ้าหน้าที่ รวม 13 คน ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดน่าน และไปรวมตัวกับจิตอาสาจากจังหวัดพิษณุโลก เพื่อชี้แจงรายละเอียดงานทั้งหมด ก่อนจะเดินทางเข้าสู่พื้นที่ประสบภัย หมู่ 7 และหมู่ 13 เทศบาลตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา ในช่วงบ่าย โดยได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อดำเนินภารกิจการสำรวจเยี่ยมบ้าน และมอบคูปองรับเงินสงเคราะห์ให้กับผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้การนำของผู้ใหญ่บ้านและจิตอาสาในพื้นที่ แม้ระหว่างเยี่ยมบ้านจะมีสายฝนโปรยปรายลงมา ทว่าย่างก้าวของชาวฉือจี้ไม่เคยหยุดชะงัก ทุกคนรีบกางร่มในมือ หรือไม่ก็รีบคว้าชุดกันฝนออกมาสวมใส่ แล้วก้าวต่อไป เพื่อส่งมอบความห่วงใยให้กับผู้ประสบภัย
“ทางโน้น 3 ไร่ ทางนี้ 3 ไร่ อีกด้านก็ 2 ไร่ ไร่ข้าวโพดป้าเสียหายหมดเลย” คุณสมหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย ชี้ไปยังไร่ข้าวโพด ของตัวเอง ก่อนจะบอกเล่าความเป็นอยู่ในช่วงน้ำท่วมว่า “ตอนนั้นฝนตกหนักต่อเนื่องอยู่ 2-3 วัน วันที่ 17 สิงหาคม น้ำก็ไหลเข้าบ้าน สูงถึงหน้าอกเลย ข้าวของชิ้นใหญ่ ๆ ไม่เสียหาย เพราะมีทหารมาช่วยขนขึ้นไว้บนบ้านชั้นสอง ก็จะเหลือแต่ชิ้นเล็ก ๆ ที่เราเก็บไม่ทันจ๊ะ”
▲คุณสมหมาย หนึ่งในผู้ประสบอุทกภัย ชี้ให้จิตอาสาฉือจี้ดูระดับน้ำระหว่างที่เกิดอุทกภัย
อีกครอบครัวหนึ่ง คือ คุณจำลอง เมื่อเห็นจิตอาสาฉือจี้มาถึง ก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันสดใส พร้อมทั้งเล่าให้ฟังถึงการใช้ชีวิตในช่วงที่น้ำท่วมว่า “วันที่ 17 สิงหาคม น้ำก็เริ่มท่วม ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 ก่อนจะลดลงจนแห้งหมดในวันที่ 20 เราถึงได้เริ่มเก็บกวาดบ้าน เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง เราจึงได้แต่อาศัยอยู่บนชั้นสองของบ้าน ชั้นหนึ่งไม่สามารถอยู่ได้เลยค่ะ”
เมื่อจิตอาสาฉือจี้สอบถามถึงความเสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้ คุณจำลองก็มีสีหน้าที่แสดงถึงความกังวลก่อนจะอธิบายว่า “เราก็เป็นชาวสวนชาวไร่ ปลูกข้าวโพดและพืชผักสวนครัวไว้กินกัน ทั้ง ๆ ที่ใกล้จะได้เก็บเกี่ยวแล้ว แต่น้ำก็มาท่วมเสียก่อน ทำให้ข้าวโพดและผักเสียหายหมดเลย อีกอย่างเราก็คาดไม่ถึงค่ะ ว่ามันจะหนักอย่างนี้ เพราะมันไม่ท่วมสูงแบบนี้มาสองปีแล้ว” จากการแจ้งข่าวของผู้ใหญ่บ้าน ทำให้คุณจำลองทราบว่า จุดประสงค์การมาเยือนของจิตอาสาฉือจี้ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมอบเงินสงเคราะห์ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับจากผลกระทบของอุทกภัยในครั้งนี้ ทำให้คุณจำลองกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ดีใจมากค่ะ ที่ได้รู้ว่ายังมีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเรา และยินดีที่จะยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือกับเราค่ะ”
▲ระหว่างการเยี่ยมบ้าน แม้จะมีสายฝนโปรยปรายลงมา ทว่าฝีเท้าของจิตอาสาฉือจี้
ยังคงไม่หยุดชะงัก ต่างสวมเสื้อกันฝนก้าวเข้าไปมอบความดูแลผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
2
ลงมือทำเพื่อเรียนรู้ เรียนเพื่อรู้ตื่นเบิกบาน
จังหวัดพิษณุโลกตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดน่านประมาณ 300 กิโลเมตร หรือเป็นระยะทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง จิตอาสาฉือจี้จากพิษณุโลกประกอบด้วย คุณไพฑูรย์ ศรีรอด คุณจิระภา ขำพิสุทธิ์ และคุณอัญชัญ จาตุกัญญาประทีป ต่างก็เดินทางมาช่วยงานสำรวจเยี่ยมบ้านผู้ประสบภัยครั้งนี้ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมทำงานบรรเทาภัยพิบัติ จิตอาสาทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำงานกับจิตอาสาฉือจี้อาวุโสชาวไต้หวัน ทำให้ตนเองได้เรียนรู้เพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นหลายอย่าง
จิตอาสาฉือจี้ คุณไพฑูรย์ ศรีรอด กล่าวว่า “การมอบเงินมอบคูปองนี้ ท่านธรรมาจารย์มีความประสงค์ที่จะให้พี่น้องประชาชนชาวน่านที่ประสบภัย นำไปบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าที่ตนเองประสบพบเจอครับ” ระหว่างการทำงาน คุณไพฑูรย์ยังได้ทราบถึงความห่วงใยที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนมีต่อผู้ประสบภัยว่า เมื่อภัยธรรมชาติมาเยือน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ล้วนเป็นผู้ประสบภัยเท่าเทียมกัน ดังนั้นฉือจี้จึงต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเสมอภาค โดยหลักเกณฑ์นี้จะแตกต่างจากการดูแลสงเคราะห์ผู้ยากไร้ระยะยาวที่จิตอาสาทำอยู่เป็นประจำ
พันตรี ดร.สุชิน ยาปัน ซึ่งเคียงข้างจิตอาสาฉือจี้ ช่วยประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดน่านครั้งนี้ กล่าวว่า “ผักผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้ เป็นที่มาของรายได้ตลอดทั้งปีของเขา เมื่อรายได้หลักของพวกเขาเสียหายไป ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยเยียวยาได้ก็คือวัตถุปัจจัยหรือเงินทอง ที่พวกเขาจะนำไปเป็นทุนต่อยอดออกไปครับ”
▲จิตอาสาฉือจี้ก้าวเข้าไปสำรวจรายชื่อ พร้อมทั้งมอบคูปองรับเงินสงเคราะห์ให้กับผู้ประสบอุทกภัย
▲ผู้ประสบภัยที่ได้รับมอบคูปองแล้ว มารวมตัวพร้อมกัน
ณ ที่ทำการเทศบาลตำบลกลางเวียง เพื่อรอรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือจากฉือจี้
▲จิตอาสาฉือจี้เดินทางไปสำรวจระบบน้ำ ณ ตำบลริม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
3
ชีวิตฟ้าหลังฝน ฟื้นฟูความเป็นอยู่
วันที่ 6 กันยายน จิตอาสาฉือจี้จัดพิธีมอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยขึ้น 2 รอบ ณ ที่ทำการเทศบาลตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยครอบครัวที่มีสมาชิก 1-3 คนจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท ส่วนครอบครัวที่มีสมาชิกมากกว่า 4 คนขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท
ระหว่างพิธีมอบเงินสงเคราะห์นั้น จิตอาสาได้อ่านจดหมายแสดงความห่วงใยจากท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ก่อนจะถ่ายทอดความรักผ่านการแสดงภาษามือประกอบเพลงครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งส่งมอบคำอวยพรจากหัวใจไปสู่บรรดาผู้ประสบภัย เพื่อให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่า แม้ภัยธรรมชาติจะโหดร้าย ทว่าสังคมของเรายังเต็มไปด้วยความอบอุ่น และด้วยการให้กำลังใจจากจิตอาสาฉือจี้ เหล่าผู้ประสบภัยต่างก็นำหยาดหยดธารน้ำใจของตนเอง ร่วมบริจาคลงในกล่องรับบริจาค เพื่อให้ฉือจี้เป็นสะพานบุญ นำความปรารถนาดีจากพวกเขาไปส่งมอบต่อผู้ที่เดือดร้อนอื่น ๆ ต่อไป
หลังจากได้รับเงินสงเคราะห์จากฉือจี้ คุณสมชายหนึ่งในผู้ประสบภัย กล่าวว่า “ผมจะนำเงินที่ได้ไปซื้อกล้าใหม่ มาเสริมแทนต้นเก่าที่มันตายหรือที่มันหักโค่นล้มจากอุทกภัยครับ” ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือ จนคลายความวิตกกังวล จิตอาสา ฉือจี้ยังเป็นสะพานบุญ รวบรวมหยาดหยดธารน้ำใจ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป
▲จิตอาสาฉือจี้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 3,000 บาท
▲จิตอาสาฉือจี้นำผู้ประสบภัยร่วมแสดงภาษามือประกอบเพลง "ครอบครัวเดียวกัน"
▲ขออวยพรให้ผู้ประสบภัยทุกท่านก้าวพ้นจากความทุกข์ สามารถฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ได้ในเร็ววัน
▲ผู้ประสบภัยร่วมบริจาคธารน้ำใจอย่างกระตือรือร้น
เรื่อง คุณบุษรา สมบัติ ภาพ คุณรัตนโชติ ประมวลทรัพย์, คุณพิสิษฏิ์ หาญพงษ์เจริญ