1
ชีวิตของพี่น้องต่างถิ่นในเมืองไทย ทุกข์ลำบากต่าง ๆ นานา
จากงานรักษาพยาบาลสู่งานการกุศล อาสาสมัครฉือจี้ให้การช่วยเหลือดูแลระยะยาวแก่ครอบครัวพี่น้องต่างถิ่น เคียงข้างพวกเขาก้าวผ่านความยากลำบากในชีวิต คุณรีฮันน่า จากปากีสถาน พร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวรวม 8 ชีวิต หลีกหนีความขัดแย้งด้านศาสนาในบ้านเกิด (เนื่องจากน้องชายของเธอนับถือศาสนาต่างจากคนกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่น จึงถูกคุกคามและถูกจับไปฉีดยาให้เสียชีวิต) และอพยพมายังเมืองไทยตั้งแต่ 24 เมษายน 2557 พวกเขาหวังว่า ชีวิตของพวกเขาจะมีความปลอดภัย และมีความสงบสุขในระหว่างที่อาศัยในเมืองไทย เพื่อรอการส่งตัวไปสร้างชีวิตใหม่ในประเทศที่สาม
แม้พวกเขาจะมีหนังสือรับรองขอลี้ภัยในประเทศไทยจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR= United Nations High Commissioner for Refugees) แต่เมื่อไร้ซึ่งใบอนุญาตทำงานแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถหารายได้มาจุนเจือครอบครัวได้ ทรัพย์สินที่ติดตัวมาจากบ้านเกิดเมืองนอนจึงเริ่มหร่อยหรอ เพราะต้องนำมาใช้จ่ายสำหรับค่าอาหาร ที่พัก สิ่งจำเป็นต่าง ๆ ในแต่ละวัน ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
ซ้ำร้ายกว่านั้น เมื่อ 21 มิถุนายน 2559 พ่อของรีฮันน่าหกล้ม จนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ซีกขวา แม้จะได้รับการช่วยเหลือค่าผ่าตัดรักษาจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในกรุงเทพมหานคร (BRC=Bangkok Refugee Center) แต่พวกเขายังติดค้างค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งอีก 2,800 บาท อีกทั้ง ติดค้างค่าเช่าที่พัก 3 เดือน เดือนละ 3,000 บาท ไม่มีแม้แต่เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน มีเพียงอาหารที่ได้รับอนุเคราะห์จากโบสถ์ใกล้ที่พักแห่งหนึ่งเท่านั้น “ที่ปากีสถานเราพบเจอกับความลำบากมากมาย ที่นี่เราก็พบเจอกับปัญหามากมายเช่นกัน และเราก็ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิตอีกด้วย” รีฮันน่าแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของเธอ
▲เมื่อได้รับคำแนะนำจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในกรุงเทพมหานคร รีฮันน่าจึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย
▲อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน
สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวรีฮันน่า เพื่อทราบถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
▲ดูแลด้วยความรัก เคียงข้างพี่น้องต่างถิ่นก้าวผ่านความยากลำบาก
▲ทางมูลนิธิฯให้ความช่วยเหลือดูแลระยะยาวแก่ครอบครัวรีฮันน่า
มอบเงินช่วยเหลือเดือนละ 4,500 บาท นมผงและผ้าอ้อมสำหรับผู้ป่วย ตั้งแต่ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา
2
นำความรักเคียงข้างพี่น้องต่างถิ่น
เมื่อได้รับคำแนะนำจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในกรุงเทพมหานคร รีฮันน่าจึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย หลังจากอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนสภาพความเป็นอยู่แล้ว จึงพิจารณารับดูแลเป็นครอบครัวผู้ยากไร้ มอบเงินช่วยเหลือเดือนละ 4,500 บาท นมผงและผ้าอ้อมสำหรับผู้ป่วย ตั้งแต่ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา โดยหวังว่าเมื่อรวมกับเงินช่วยเหลือที่พวกเขาได้รับจากโบสถ์แห่งหนึ่งแล้ว จะทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้อาสาสมัครยังทราบว่ารีฮันน่าเคยเป็นนักร้องประกอบศาสนพิธีในโบสถ์ อีกทั้งสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จึงชวนมาเป็นล่ามแปลภาษาในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีตั้งแต่ธันวาคม 2559 รีฮันน่าจึงได้มาร้องเพลง เล่าเรื่องตลกขบขันให้ผู้ป่วยฟังในระหว่างที่รอการตรวจรักษา อีกทั้งพาเด็ก ๆ ร้องเพลง เต้นรำ และทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ “มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เพราะว่าฉันมาอยู่เมืองไทยมา 2 ปีครึ่งแล้ว เพิ่งจะได้รับโอกาสที่ดีอย่างนี้ มันทำให้ฉันได้สนุกกับเด็ก ๆ ทำงานกับคนที่เป็นดั่งคนในครอบครัว ซึ่งมันทำให้ทุกคนมีความสุข ที่เราได้มาทำอะไรต่าง ๆ ที่นี่” รีฮันน่าแบ่งปันความรู้สึก
เมื่อได้รับความช่วยเหลือ ได้แสดงศักยภาพของตนเอง สร้างรายได้จุนเจือครอบครัว อีกทั้งได้ทำในสิ่งที่ตนรัก ก็ทำให้รีฮันน่า ซึ่งเดิมทีมีสีหน้าเศร้าหมอง และเต็มไปด้วยความกังวล เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ความทุกข์กังวลใจก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง รีฮันน่า แบ่งปันว่า “ฉันรู้สึกว่าฉือจี้เป็นเหมือนกับครอบครัว เมื่อมีกิจกรรม เราจะเห็นผู้คนต่างรักใคร่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันเป็นเหมือนชุมชนใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับครอบครัวค่ะ”
▲รีฮันน่า (คนสวมเสื้อกั๊กขวามือ) พาเด็ก ๆ ร้องเพลง เต้นรำ และทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ
▲เมื่อได้ทำในสิ่งที่ตนรัก ความทุกข์ในใจของรีฮันน่า (ซ้าย 1) ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
เรื่อง คุณดรรชนี สุระเทพ ภาพ คุณพิสิษฎิ์ หาญพงศ์เจริญ คุณหวังจงเสียน คุณราตรี ญาติมาก คุณดรรชนี สุระเทพ คุณพิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี
