เปลวไฟไร้ปรานี แต่ผู้คนไม่ไร้น้ำใจ
“พฤษภาคม” ต้นฤดูฝนของเมืองไทย ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งสายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
11 พฤษภาคม 2560 เวลาประมาณ 14.10 น.เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชุมชนโมลีโลกยาราม แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งสาเหตุของเพลิงไหม้คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร คุณประวิทย์ หนึ่งในผู้อาศัยในบ้านต้นเพลิง แบ่งปันว่า “ตอนนั้นผมได้กลิ่นไหม้ๆ จึงเดินขึ้นบันไดไปดู ปรากฎว่าไฟไหม้ข้างบนบ้านครับ ผมก็เลยรีบเรียกพี่สาวมาดู และเรียกคนมาช่วยดับไฟ” แต่ด้วยชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนเก่าแก่มานานหลายสิบปี ส่วนใหญ่บ้านสองชั้นปลูกติดกัน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงไหม้ลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้
▲เปลวไฟไร้ปรานีเผาวอดทุกสิ่ง ซึ่งคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
วันดังกล่าว อาสาสมัครฉือจี้เขตพุทธมณฑล ได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาที่โรงเรียนประถมทวีธา ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุไฟไหม้พอดี ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแล้ว คุณพิสิษฎิ์ หาญพงศ์เจริญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จึงได้เดินทางไปสำรวจความเสียหายทันที ทว่า เนื่องในเวลาดังกล่าว เพิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุยังอยู่ในความโกลาหล ทั้งในด้านผู้ประสบภัยที่ยังอยู่ในอาการตกใจและหวาดกลัว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังวุ่นวายกับการควบคุมเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สำรวจสาเหตุของเพลิงไหม้ และประชาชนมุงดูเหตุการณ์มากมาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์จึงทำได้เพียงติดต่อกับผู้นำชุมชน พูดคุยถึงแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น ซึ่งภายหลังทราบว่า มีบ้านเรือนถูกไฟไหม้ทั้งหลัง 8 หลัง ถูกไฟไหม้บางส่วน 2 หลัง รวมเป็น 10 หลัง มีผู้ได้รับความเดือนร้อน 18 ครอบครัว ประมาณ 40 กว่าคน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
▲ เมื่อทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ อาสาสมัครก็รีบเข้าไปสำรวจภัยในพื้นที่ ทว่า เนื่องจากอยู่ในระหว่างควบคุมเพลิงไหม้ จึงทำได้เพียง อธิษฐานให้ทุกคนปลอดภัย
เมื่อทราบความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัยแล้ว อาสาสมัครฉือจี้จึงร่วมพูดคุยพิจารณา และสรุปความช่วยเหลือเป็นเงินสดครอบครัวละ 4,000 บาท โดยในวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 ได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือให้พี่น้องผู้ประสบภัย
นำความรักปลอบโยนผู้ประสบภัย
เมื่อ “บ้าน”ที่เคยอยู่อาศัยถูกไฟเผาวอดไป ทำให้ผู้ประสบภัยบางส่วนต้องหาห้องเช่าใหม่ บ้างก็ไปพักอาศัยกับญาติพี่น้อง และมีบางส่วนก็อาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางชุมชนจัดไว้ให้
▲ อาสาสมัครฉือจี้นำความรัก ความจริงใจ ปลอบโยนจิตใจผู้ประสบภัยซึ่งยังอยู่ในอาการหวาดกลัว
18 พฤษภาคม 2560 อาสาสมัครฉือจี้ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง นอกจากจะนำเงินช่วยเหลือไปมอบให้ผู้ประสบภัยแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ปลอบโยนจิตใจผู้ประสบภัย ในระหว่างกิจกรรมมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาสาสมัครแนะนำมูลนิธิพุทธฉือจี้ อ่านสาส์นแสดงความเสียใจจากท่านธรรมาจารย์ แสดงภาษามือประกอบเพลง “ครอบครัวเดียวกัน” มอบกำลังใจให้ผู้ประสบภัยมีจิตใจที่เข้มแข็ง
▲อาสาสมัครแสดงภาษือประกอบเพลง “ครอบครัวเดียวกัน” มอบกำลังใจให้ผู้ประสบภัยมีจิตใจที่เข้มแข็ง
▲คุณภารดี มะกรูดอินทร์ (จากซ้าย 2) เป็นตัวแทนอาสาสมัคร อ่านสาส์นแสดงความเสียใจจากท่านธรรมาจารย์
คุณวราภรณ์ หนึ่งในผู้ประสบภัย แบ่งปันว่า “รู้สึกซาบซึ้งใจและดีใจที่ยังมีมูลนิธิฯเข้ามาดูแลช่วยเหลือเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินเล็กๆน้อยๆ แต่เราก็ดีใจค่ะ"
คุณสมชาย ประธานชุมชนวัดโมลีโลกยาราม แบ่งปันว่า “ถึงจะเป็นองค์กรการกุศลของคนต่างชาติ มาจากไต้หวัน แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับคนไทย ผมจึงรู้สึกปลื้มใจมาก”
เปลวไฟไร้ปรานี เผาวอดบ้านอันอุ่น ทว่ายังมีน้ำใจและความห่วงใยของผู้คนทั่วทั้งสารทิศ ส่งมาดูแลปลอบโยนผู้ประสบภัย เมื่อชีวิตยังอยู่ ก็ย่อมมีความหวัง ขอให้ความรักอันยิ่งใหญ่เยียวยาบาดแผลในใจของผู้ประสบภัย นำทางให้ก้าวผ่านความมืดมน สู่แสงสว่างในชีวิต
▲พื้นที่ใต้สะพานคือที่พักอาศัยชั่วคราวของผู้ประสบภัยที่หาที่อยู่ใหม่ยังไม่ได้
▲ เมื่อเห็นผู้ประสบภัยยิ้มได้ อาสาสมัครฉือจี้ก็มีความสุข
เรื่อง พิสิษฏิ์ หาญพงศ์เจริญ , ภารดี มะกรูดอินทร์ ภาพ พิสิษฏิ์ หาญพงศ์เจริญ , พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี