วิถีแห่งความเมตตา จริยธรรมแห่งความงดงาม กล้าพันธุ์ที่สมบูรณ์ของฉือจี้พิษณุโลก
วิถีแห่ งความเมตตา จริยธรรมแห่งความงดงาม กล้าพันธุ์ที่สมบูรณ์ของฉือจี้พิษณุโลก แม้เพียงหนึ่งวันล่วงหน้า ก่อนที่จะถึงกำหนดการอบรม คณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย เยี่ยมเยียนธรรมสถานปฏิบัติ จิตอาสาฉือจี้พิษณุโลก เมตตามาแบ่งบันความรู้ประสบการณ์โดย กำหนดเป้าหมายให้ความรู้ พร้อมลงมือจัดสถานที่เพื่ออำนวยสะดวกในการอบรม ตลอดจนการลุกนั่ง การเดินเข้าออกของผู้เข้าอบรมตามแบบอย่างของชาวฉือจี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายจัดประชุมแลกเปลี่ยนด้วยการซักซ้อมภารกิจสำคัญในการต้อนรับสมาชิกใหม่โดยไม่คำนึงถึงเวลาที่ดึกดื่นเพียงใด
▲คณะทำงานให้การต้อนรับผู้มาเข้ารับการอบรมที่ทยอยเดินทางมาถึงอย่างเป็นกันเอง
งานจิตอาสา โดยชมรมจิตอาสาพระนเรศวร ได้ริเริ่มดำเนินงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาตั้งแต่ พ.ศ.2558 โดยได้แนวความคิดและกิจกรรมมาจาก “ฉือจี้” คือใจที่มีความเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ทำงานช่วยเหลือผู้ซึ่งตกทุกข์ได้ยาก บรรเทาทุกข์สร้างสุขแก่ผู้อื่น มหาวิทยาลัยนเรศวรได้สนับสนุนกิจกรรมจิตอาสาให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยมอบหมายให้คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินการจัดตั้งชมรมจิตอาสาขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนให้เมล็ดพันธุ์ชุดแรก คือ กรรมการและสัตยบุรุษของฉือจี้พิษณุโลก รุ่นแรก ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2559 จำนวน 6 คน และในปี พ.ศ.2560 ได้สนับสนุนการจัดอบรมอาสาสมัครพุทธฉือจี้ระดับกลาง ณ มูลนิธิพุทธฉือจี้ประเทศไทย และการจัดอบรมอาสาสมัครพุทธฉือจี้ระดับต้น (เสื้อเทา) รุ่น 1/2560 ระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน 2560 ณ ห้อง ประชุมเอกาทศรถ 1- 2 ชั้น 3 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย
▲นับเป็นเกียรติที่ รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา จันทร์ศิลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิดการอบรมในวันนี้
อาสาสมัครฉือจี้ ดร.กวิชช์ ธรรมิสร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ คณะแพทย์ศาสตร์ ม.น. ในฐานะที่ประธานชมรมจิตอาสาพระนเรศวร และที่ปรึกษาเสียลี่พิษณุโลก ได้แบ่งปันเรื่องราวและความเป็นมาตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรฉือจี้กับมหาวิทยาลัยนเรศวร จนก่อให้เกิดจิตอาสาชมรมจิตอาสาพระนเรศวร และเสียลี่พิษณุโลก ตลอดจนกรรมการและสัตยบุรุษฉือจี้ พิษณุโลกขึ้นอย่างเป็นทางการ
▲อาสาสมัครฉือจี้นำภาษามือประกอบเพลง “โลกนี้มีความรัก” ต้อนรับผู้ร่วมอบรมด้วยความอบอุ่น
พิธีการอย่างเป็นทางการที่ประกาศให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยนเรศวรสนับสนุนกิจกรรมของฉือจี้ :
นับเป็นเกียรติที่ รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา จันทร์ศิลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธาน และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.รสสุคนธ์ คชรัตน์ รองคณบดีฝ่ายบริการทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ กล่าวรายงานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกในด้านจิตอาสา ให้แก่บุคลากรและกลุ่มจิตอาสาในชุมชน มีความรู้และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังต่อไป โดยเฉพาะประธานในพิธีมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อวิถีจิ้งซื้อ ได้กรุณาอธิบายเรื่องความเมตตา จริยธรรมอันดีงาม ตลอดจนความช่วยเหลือบุคคลผู้ยากไร้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนตามแนวความคิดของฉือจี้ให้แก่ผู้เข้าอบรมได้ฟังอย่างละเอียด พร้อมทั้งให้เกียรติรับฟังวิทยากรจากมูลนิธิฉือจี้ส่วนกลางอย่างตั้งใจ จนได้เวลาพอสมควรจึงอำลากลับ
▲อาสาสมัครฉือจี้เสิร์ฟน้ำชาสำนึกคุณให้กับแขกผู้มีเกียรติ
กิจกรรมเสริฟน้ำชาด้วยความเคารพ
วิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ ซึ่งแสดงถึงความให้เกียรติ ความเคารพ สำนึกคุณ คือกิจกรรมการเสริฟน้ำชา แก่ประธานในพิธี ผู้มีเกียรติ ตลอดจนผู้เข้าอบรมทุกท่าน โดยมี นพ.นนท์ โสวัณณะ คุณเมตตา แซ่ชิว และคณะกรรมการจัดงานฯ เป็นผู้รับหน้าที่ เป็นภาพที่แสดงออกให้เห็นความตั้งใจ ที่จะตอบแทนความมีน้ำใจของทุกท่านด้วยความเคารพ ดำเนินไปอย่างมีมารยาท ใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มหรือที่เราเรียกว่า “ครีมฉือจี้” และ ใช้รูปแบบการเดิน การมอบให้ อย่างวัฒนธรรมอันดีงามของฉือจี้
▲ผู้ร่วมอบรมดื่มน้ำชาแห่งความดีสามประการ “คิดดี พูดดี ทำดี”
กิจกรรมภาษามือ “โลกนี้มีความรัก”, “ครอบครัวเดียวกัน” และ เรียนรู้เพลง “ใบหน้าที่มีความสุข”
การแสดงภาษามือประกอบเพลง ที่สื่อให้เห็นประตูใจแห่งความเมตตาแก่มนุษย์ทุกคน ด้วยแนวคิดที่เชื่ออย่างยิ่งว่าสรรพชีวิตมีความเสมอภาคกัน มอบความรักและเมตตาให้แก่คนในสังคมเป็นสิ่งสำคัญ ชาวฉือจี้ทุกคนพร้อมที่จะช่วยกันสอดส่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกมนุษย์ เมื่อหนึ่งคนเห็นเหตุการณ์ เสมือนหลายพันคนได้เห็นเหตุการณ์ และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน...
▲ในพิธีเปิด รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา จันทร์ศิลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้เกียรติร่วมนำกระปุกออมบุญหวนคืนสู่เหย้า ร่วมผลักดันแนวคิด “ออมเงินน้อย สร้างบุญใหญ่”
ภารกิจวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ : วัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ตามวิถีฉือจี้
อาสาสมัครฉือจี้ คุณสุชน แซ่เฮง ถ่ายทอดภารกิจหนึ่งในสี่ที่สำคัญของฉือจี้ คือ วัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ (เหรินเหวิน) เพื่อให้ทุกคนได้รู้ได้เห็นว่า ในความเมตตาต้องมีปัญญา การแสดงออกด้วยบุคลิกภาพต้องสื่อถึงความดีงามทั้งกายและใจ มีสติในปัจจุบันทุกขณะ บ่มเพาะความรู้ให้ทุกคนได้เห็นถึงความรักที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนมอบให้แก่ทุกสรรพชีวิตในโลกมนุษย์ใบนี้ และคำสอนของท่าน ที่ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจปฏิบัติ เพื่อให้ภารกิจของฉือจี้ ดำเนินต่อไปอย่างสืบเนื่อง ถ่ายทอดความดีงามให้โลกในปัจจุบัน มอบคุณค่าความดีงามในชีวิตให้ตนเอง ให้ลูกหลานต่อไปในภายภาคหน้า ได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเราร่วมกันทำในปัจจุบันจากนั้นได้ให้มีการแบ่งกลุ่มเข้าฐานเรียนรู้มารยาทอาสาสมัครพุทธฉือจี้ รวม 3 ฐาน ได้แก่ ฐานการรับประทานอาหาร ฐานการแต่งกาย และ ฐานการเดิน ยืน นั่ง ด้วยการอธิบายฐานคิด และสาธิตวิธีปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรู้ เข้าใจ และร่วมกันปฏิบัติ ถือเสมือนเป็นการเกิดสติจากการลงมือทำ เป็นการประพฤติธรรม ได้ธรรมะจากการปฏิบัติอีกด้วย
▲ผู้เข้ารับการอบรมต่างรับฟังวิทยากรบรรยายด้วยความสุข
ภารกิจการกุศลของฉือจี้ :
อาสาสมัครฉือจี้ คุณสุชน แซ่เฮง กล่าวถึงปณิธานของพระพุทธองค์ “มหาเมตตาแผ่ไพศาล มหากรุณาแผ่ทั่วหล้า” ประกอบกับคำสอนของท่านมหาเถระ อิ้นซุ่น “ทำเพื่อพุทธศาสนา เพื่อมวลชีวัน” และสิ่งที่ท่านธรรมาจารย์ประสบพบด้วยตนเอง ทั้งความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ ซึ่งได้แก่ ความยากจน จนเป็นหนึ่งในปณิธานแรกของท่านธรรมาจารย์ที่ดำเนินภารกิจ สอนสั่งคนรวย ให้ช่วยเหลือคนจน ด้วยแนวคิด วิธีการต่างๆ ที่สามารถโน้มน้าวจิตใจของลูกศิษย์ และขยายต่อเนื่องอย่างไม่รู้จบ สู่แนวคิด “สอนคนจน ให้ร่ำรวยน้ำใจ” จนก่อเกิดเป็นแนวคิดกระปุกออมบุญ “ออมเงินน้อย สร้างบุญใหญ่” มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือภารกิจการกุศล ด้วยการสำรวจ ศึกษา แสวงหาทางช่วยเหลืออย่างเหมาะสมต่อความต้องการของครอบครัวบุญคุณ
▲หนึ่งคนหลายศักยภาพ คณะทำงานที่มีเวลา ต่างก็สลับหมุนเวียนกันมาช่วยงานเตรียมอาหารมังสวิรัติ
อาสาสมัครฉือจี้ คุณเมตตา แซ่ชิว ได้นำเสนอหลักคิดภารกิจการกุศล โดยนำเสนออัลบั้มชีวิตของตนเอง ในการมาเป็นอาสาสมัครฉือจี้ ชีวิตตนเองได้เปลี่ยนไป อีกทั้งได้เสนอเคสพิเศษ ครอบครัวบุญคุณ ที่อำเภอฝาง ให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบวิธีการและกระบวนการในการเยี่ยมเยียนดูแลผู้ยากไร้ ตลอดจนข้อพึงปฏิบัติและข้องดเว้นในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
▲หลังการอบรม คณะทำงานต่างรวมตัวกันเพื่อระดมความคิดเห็น ร่วมกันพัฒนาชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การประเมินผล จากการสังเกตพบว่า คณะผู้จัดอบรม วิทยากร และผู้ปฏิบัติ กระตือรือร้น สนับสนุน ช่วยเหลือ ช่วยแก้ปัญหากันด้วยไมตรีจิตอันงดงาม คลายความวิตกกังวล เมื่อจิตอาสาลงชื่อเข้าชั้นเรียน พิธีการเปิดเรียบง่ายแต่เป็นไปอย่างงดงาม กิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ กิจกรรมสื่อภาษามือ และการเข้าฐานต่าง ๆ นำมาซึ่งความรู้ และเกิดทัศนคติที่ดีในเรื่องของจิตอาสาและการทำความดี ผู้เข้ารับการอบรมได้รับการดูแลอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องด้วยมิตรไมตรีและนอบน้อมตามหลักของฉือจี้ ทำให้ผู้รับผิดชอบอิ่มใจ และคาดหวังว่าพรุ่งนี้ (8 มิ.ย.60) สมาชิกคงมาพร้อมและเต็มตามจำนวน ส่วนปัญหาอุปสรรคมีมากมายแต่ก็สามารถแก้ไขด้วยความสงบและปัญญา
▲ภาษามือประกอบเพลง “ใบหน้าที่มีความสุข” เติมความกระปรี้กระเปร่าให้ทุนคนก่อนจะเริ่มฟังบรรยายกันต่อไป
วันที่สองของการอบรม
แนะนำฉือจี้ : องค์กรแห่งการสงเคราะห์ ที่ใช้ปัญญาจัดการเรื่องราว
อาสาสมัครฉือจี้ คุณสุชน แซ่เฮง ได้นำเสนอประวัติของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ตลอดจนการดำเนินงานขององค์กรฉือจี้ ไต้หวัน ที่ช่วยเหลือมวลมนุษย์ด้วยการใช้หลักทางพุทธศาสนา ได้แก่ หลักพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และกำหนดให้มีภารกิจ 4 ประการ ได้แก่ การกุศล การรักษาพยาบาล การศึกษา และวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ ก่อนจะขยายเพิ่มอีกสี่ภารกิจ คือ การบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศ การบริจาคไขกระดูก การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและอาสาสมัครชุมชน จาก 4 ขยายเป็น 8 ภารกิจ จากศีล 5 มาเป็น ศีล 10 ข้อของฉือจี้
▲พิธีมอบเสื้ออาสาสมัครฉือจี้ขั้นต้น (เสื้อเทา) ร่วมกันเป็นหนึ่งในพลัง ขับเคลื่อนความดีงามให้สังคม
ภารกิจการรักษาพยาบาล
ภารกิจการรักษาพยาบาล ถือว่าเป็นภารกิจที่ 2 ที่ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ตั้งปณิธานต้องทำให้ได้ แต่ต้องใช้เวลานานเป็นสิบปี จึงสามารถระดมทุนจัดตั้งโรงพยาบาลเพื่อรักษาผู้ป่วยได้สำเร็จ จากนั้น อาสาสมัครฉือจี้ นพ.สมบูรณ์ นันทานิช อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ผู้ถือธงฉือจี้ไปปักที่ รพ.โพธาราม ได้ชี้แจงตอบคำถามว่า งานจิตอาสาโรงพยาบาลโพธาราม ทำไมต้องพุทธฉือจี้ ซึ่งมีรายละเอียดและความเป็นมา ที่ก่อให้เกิดความประทับใจในความตั้งใจจริงและความร่วมมือของบุคลากรในโรงพยาบาลแก่ผู้เข้ารับการอบรมเป็นอย่างมาก และในโอกาสต่อเนื่อง นพ.นนท์ โสวัณณะ ประธานฉือจี้พิษณุโลก ได้แบ่งปันเรื่องราวของจิตอาสาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เกี่ยวกับงานปฏิบัติด้านอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือแก่ผู้มาใช้บริการของโรงพยาบาล รวมตลอดจนถึงการแสวงหาผู้ป่วย หรือ ผู้ยากไร้ เพื่อนำมาให้ความช่วยเหลือเป็นเคสครอบครัวผู้ยากไร้ของฉือจี้พิษณุโลก
ภารกิจด้านการศึกษา :
อาสาสมัครฉือจี้ คุณสุชน แซ่เฮง แบ่งปันภารกิจด้านการศึกษาของฉือจี้ ด้วยปณิธานของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ที่มีเป้าหมายเพื่อปลูกฝังคุณธรรม การดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์ ให้แก่ผูเข้าศึกษาเล่าเรียน ไม่เพียงเน้นงานด้านวิชาการ แต่ยังเน้นด้านศักยภาพของมนุษย์ ก่อนที่ อาสาสมัครฉือจี้ ดร.เรียม ศรีทอง จะได้มาแบ่งปันและต่อยอดความรู้ด้านการศึกษาของประเทศไทย ที่มีความจำเป็นต้องปรับแก้ไขการศึกษาบางกรอบบางประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่จะต้องสอนผู้เรียนให้รู้และเข้าใจเรื่องของคุณค่าของชีวิต ด้วยการสร้างตนเองให้เป็นประโยชน์ ส่วนบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นครู ไม่ว่าจะเป็นครูโดยอาชีพ หรือความเป็นครูโดยจิตวิญญาณ จากบทบาทในสังคม ต้องให้ความสำคัญและรู้จักสอนตนเอง พัฒนาตนเองเพื่อนำความรู้นั้นไปสอนบุคคลอื่นต่อไป
▲ชั้นเรียนภาคปฏิบัติ ผู้เข้ารับการอบรม นำความรักไปช่วยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ยากไร้ ด้วยการช่วยจัดและทำความสะอาดที่พักอาศัย
ภารกิจด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม :
อาสาสมัครฉือจี้ คุณวีระชัย ทาบุญสม แบ่งปันภารกิจการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “ใช้สองมือที่ปรบนั้นรักษาสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนขยะเป็นทองคำ เปลี่ยนทองคำเป็นความรัก เพื่อช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ในภาวะโลกร้อนโดยการรับประทานอาหารเจ โดยยึดหลัก “สมถะ ประหยัด เรียบร้อย”
จิตอาสาฉือจี้ ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์ : คุณเสริมพงศ์ คุณาวงษ์ ได้แบ่งปันการดำเนินงานกิจกรรมฉือจี้กับนิสิต และอาสาสมัครใน มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
▲อ้อมกอดแห่งรักอันยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้ยากไร้
วันที่สามของการอบรมฯ
กิจกรรมในช่วงเช้าเป็นการมอบเสื้อเทาสัญลักษณ์สมาชิกใหม่ของฉือจี้ โดยได้รับเกียรติจาก คุณเฉินอวี่หง รองประธานมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย มาเป็นประธานในพิธีมอบเสื้อเทา ซึ่งในช่วงนี้ได้มีการให้ความรู้และข้อควรรู้ ข้อปฏิบัติเบื้องต้นของผู้เป็นอาสาสมัครใหม่ของฉือจี้ภาคบ่าย เป็นการนำคณะผู้เข้ารับการอบรมออกฝึกปฏิบัติงานภาคสนาม โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย
ประกอบด้วยกลุ่มย่อยที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ได้มาเรียนรู้เข้าใจการเป็นจิตอาสาในโรงพยาบาลว่า มีภารกิจหน้าที่ใดบ้าง ตลอดจนวิธีปฏิบัติต่างๆ และลงมือปฏิบัติการให้การบริการผู้ป่วย การเสิร์ฟน้ำชาแก่ผู้มาใช้บริการของโรงพยาบาล
▲ภาษามือประกอบเพลงครอบครัวเดียวกัน คือ การสัญลักษณ์แทนความเอื้ออาทรที่มีให้
กลุ่มย่อยที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นบุคคลภายในของมหาวิทยาลัยนเรศวร ออกฝึกปฏิบัติงานเยี่ยมครอบครัวผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย กลุ่มแรกไปเยี่ยมครอบครัวผู้ยากไร้ ที่ได้รับการดูแลสงเคราะห์ระยะยาวของฉือจี้ คือ คุณรัตนา ซึ่งป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง สามีทอดทิ้ง ลูก 2 คนยังอยู่ในวัยเรียน ไม่มีรายได้ประจำ และ กลุ่มที่สอง ไปเยี่ยมครอบครัวผู้ยากไร้อีกท่าน คือ คุณแววตา ซึ่งป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ ส่วนสามีพิการขาข้างซ้ายขาด โดยผู้เข้าอบรม ได้นำแนวคิด ที่ได้เรียนรู้จากชั้นเรียนภาคทฤษฎีก่อนหน้านี้ ไปปฏิบัติแก่ครอบครัวผู้ยากไร้ทั้ง 2 ด้วย ภายหลังจากที่ทุกกลุ่มกลับจากการฝึกปฏิบัติงานด้านจิตอาสาการให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาลและการเยี่ยมครอบครัวผู้ยากไร้ ได้มาแบ่งปันความรู้ การปฏิบัติภายในชั้นเรียน
แบ่งปันความรู้สึกของผู้เข้าอบรม:
ในแต่ละวัน ชั่วโมงสุดท้ายของการอบรม จะมอบหมายให้แต่ละกลุ่ม แต่ละบุคคล แบ่งปันความรู้สึก ความรู้ ประสบการณ์ ความคิดเห็นในมุมมองของแต่ละคนที่เกี่ยวเนื่องกับงานของฉือจี้ในแต่ละภารกิจ 4 ประการ รวมทั้งความตั้งใจที่จะนำสิ่งดีๆ ที่ได้รับไปลงมือปฏิบัติเพียงใด แค่ไหนโดยสรุปในภาพรวม พึงพอใจรูปแบบการจัดฝึกอบรม ได้รับความรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่ใช้หลักของพรหมวิหาร 4 เพียงแต่มีความแปลกประหลาด ที่ได้เห็นการปฏิบัติที่ชัดเจนโดยวิถีของฉือจี้ และได้เห็นมุมมองที่น่าสนใจของท่านธรรมาจารย์ในจุดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่เมื่อนำมาปฏิบัติแล้ว เป็นผลกระทบและขยายวงต่อสรรพชีวิตในมวลมนุษย์อย่างเอนกอนันต์ มีความประทับใจในวิทยากร เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานจิตอาสา ได้ทำงานกับกลุ่มคนที่มีปัญญาดี คิดดี พูดดี ทำดี “ครอบครัวเดียวกัน” นำพาซึ่งความรัก เป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากนั้นยังกล่าวถึงกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การออกเยี่ยมครอบครัวผู้ยากไร้ จิตอาสาในโรงพยาบาล ช่วยผู้ประสบภัย ถักหมวกไหมพรมให้ผู้ป่วยมะเร็ง และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เป็นต้น
▲ร่วมเป็นจิตอาสาในโรงพยาบาล บริการเครื่องดื่มแก่ผู้มารอรับบริการด้วยความเอาใจใส่
การแบ่งปันประสบการณ์ของทีมงาน :
การอบรมในแต่ละวันผ่านพ้นไป ผู้เข้าอบรมแต่ละคนแยกย้ายกันกลับไป แต่คณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย คณะวิทยากร ผู้จัดการอบรม และเจ้าหน้าที่บางส่วน ต่างจัดการประชุมโต๊ะกลม แบ่งปันผลการปฏิบัติงาน ปัญหาอุปสรรค การแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุงกำหนดการ มอบหมายภารกิจบางส่วนที่ยังขาดให้กับคณะทำงาน รับไปดำเนินการ เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ละวันสำเร็จลุล่วงภายหลังอาคารค่ำ ประมาณ 21.00 น. ยังมีการประชุมโต๊ะกลมในโต๊ะอาหารกันอย่างไม่เลิกรา และสุดท้ายในการส่งวิทยากรทุกชุดกลับภูมิลำเนาของแต่ละท่าน คณะผู้ทำงานยังจำเป็นต้องนำเสนอวิธีการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค แนวทางแก้ไขอันพึงมีจากประสบการณ์ให้ทุกท่านได้ทราบ และให้ข้อชี้แนะ อันเป็นหลักของการแบ่งปัน เพื่อให้งานและกิจกรรมการดำเนินงานขององค์กร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง สอดคล้อง และดำเนินการตามรอยของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนได้ตั้งเป้าหมายไว้
เรื่อง กรรมการและสัตยบุรุษ รุ่นแรกของฉือจี้พิษณุโลก ภาพ จรรยพร เข้มแข็ง