ค้นหาข่าว

ส่งคำอวยพรขอให้ปลอดภัย เคียงข้างผู้ลี้ภัยสู่ประเทศที่สาม

 20170624-024-bydatchanee resize

 

จำจากบ้านเกิด อพยพสู่เมืองไทย
โอบกอดอย่างคุ้นเคยดั่งคนในครอบครัว พูดคุยด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นอย่างเป็นกันเอง 24 มิถุนายน 2560 คุณราฮิลลา เดินทางมายังสถานธรรมจิ้งซือ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย เพื่อว่าบอกข่าวดีกับอาสาสมัครฉือจี้ว่า เธอและครอบครัวกำลังจะเดินทางไปยังประเทศที่สามแล้ว ในช่วงเลาแห่งการบอกลา ทั้งอาสาสมัครฉือจี้และราฮิลลาต่างก็อาลัยอาวรณ์ อวยพรซึ่งกันและกัน และพูดคุยถึงเรื่องราวแห่งความประทับใจอันไม่รู้จบ รวมทั้งย้อนสู่ “ความทุกข์” และ “ความสุข” ที่เกิดขึ้นในวันวาน
ปากีสถาน หนึ่งในประเทศในตะวันออกกลางที่ยังคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หลายเหตุการณ์มักมีสาเหตุจากความขัดแย้งด้านศาสนาและทวีความรุนแรงถึงชีวิต ซึ่งไม่เพียงทำให้ประเทศเกิดความไม่สงบ มั่นคง หากยังบีบบังคับให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจำต้องห่างจากบ้านเกิดเมืองนอน เช่นเดียวกับราฮิลลา ที่ได้แบ่งปันช่วงเวลาอันโหดร้ายด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “พวกเราต้องพบเจอกับเรื่องร้ายต่างๆมากมายในประเทศของเรา พวกเราถูกข่มเหง มีการแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายกัน และเราก็ได้สูญเสียพ่อในเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายโจมตีโบสถ์คริสต์ค่ะ”

 

 

20161127-162-bylek resize

▲ กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี สร้างโอกาสผู้ลี้ภัยเรียนรู้การเป็นผู้ให้ ช่วยเหลือผู้อื่น เซสต้า(สวมเสื้อกั๊ก)เป็นล่ามแปลภาษาในห้องตรวจจิตเวช


แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาแล้ว 14 ปี ทว่าภาพอันโหดร้ายที่เห็นด้วยตาตัวเองนั้น ก็ทำให้ยากเกินกว่าจะรับได้ เมื่อสูญเสียพ่อผู้เป็นผู้นำครอบครัวไปแล้ว ราฮิลลา เซสต้า ผู้เป็นพี่สาว และตอริส ผู้เป็นแม่ จึงต้องก้าวเดินต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงทั้ง 3 คน ก็ไม่สามารถรับมือกับเหตุร้ายและการคุกคามที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้ พวกเธอจึงตัดสินใจอพยพมายังประเทศไทย เมื่อพ.ศ.2556

 

20170326-348-bylojuihsin resize

▲ในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี ราฮิลลา (ผู้ที่สวมเสื้อกั๊กกำลังยืนอยู่) ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมล่ามแปลในห้องตรวจ

 

กิจกรรมรักษาพยาบาลฟรี สร้างโอกาสผู้ลี้ภัยเรียนรู้การเป็นผู้ให้
ชีวิตในต่างถิ่นฐานบ้านเกิด ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี พวกเธอได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรการกุศลหลายแห่งตั้งแต่แรกเริ่ม รวมทั้งโอกาสในการเข้าทำงาน โดยเซสต้า ผู้เป็นพี่สาว ทำงานเป็นล่ามแปลภาษาที่มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (Asylum Access Thailand-AAT) ส่วนราฮิลลา ผู้เป็นน้องสาว ทำงานเป็นหัวหน้าทีมล่ามแปลภาษาที่องค์การเยสุอิตสงเคราะห์ผู้ลี้ภัย(Jesuit Refugee Service-JRS)ทำให้ทั้งสองมีเงินเดือน มีรายได้จุนเจือครอบครัวและดูแลแม่ จนกระทั่งพ.ศ.2558 เธอได้รู้จักฉือจี้ผ่านกิจกรรมบริการชุมชนรักษาพยาบาลฟรี และนั่นทำให้เธอและเซสต้า ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมล่ามแปลภาษาตั้งแต่ครั้งแรก โดยราฮิลลาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมล่ามแปลในห้องตรวจ และเซสต้าเป็นล่ามแปลภาษาในห้องตรวจจิตเวช

 

BLUR1

▲เซสต้า (จากซ้าย 3) และราฮิลลา (จากซ้าย2) มาร่วมกิจกรรมอบรมล่ามแปลภาษา ทั้งสองแบ่งปันว่า รู้สึกมีความสุขที่ได้มาร่วมทำงานกับฉือจี้


ในวันรักษาพยาบาลฟรี ราฮิลลาและเซสต้า จะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่อนั่งรถเมล์จากพระราม 2 ไปยังบางนา จากนั้นนั่งรถเมลล์จากบางนาไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอุดมสุข และนั่งรถสองแถวที่ทางมูลนิธิจัดเตรียมไว้สำหรับกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีมายังสถานธรรมจิ้งซือ รวมต้องนั่งรถ 3 ต่อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แม้จะต้องเดินทางลำบาก แต่ตลอด 2 ปีครึ่งที่ได้ร่วมเป็นล่ามแปลภาษาทำงานกับฉือจี้ ทั้งสองไม่เคยมาสายหรือขาดงานเลยสักครั้ง เพราะราฮิลลาและเซสต้าต่างก็เห็นว่า ไม่เพียงเป็นงานที่ทำให้เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น หากยังเป็นช่วงเวลาที่ดีเพียงแค่เดือนละ 1 ครั้ง ทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้ ราฮิลลาแบ่งปันว่า “ถือว่าเป็นบุญสัมพันธ์อันดีที่เราได้มาร่วมทำงานในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี เพราะทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้ ใช้พลังเล็กๆของเราช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เราก็พึงพอใจและมีความสุขที่ได้ทำงานนี้ค่ะ”

 

BLUR2

▲ ราฮิลลาแบ่งปันว่า กระปุกออมบุญเป็นโอกาสให้พวกเธอได้ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะเป็นเงินที่ไม่มากมายนัก แต่เป็นสิ่งที่ทำมาจากใจ

 

วีซีอาร์ของเรื่องราวกระปุกออมบุญ ที่อาสาสมัครมักจะนำมาแบ่งปันในกิจกรรมอบรมล่ามภาษาในทุกๆ 3 เดือนนั้น ยังจุดประกายความดีงามในจิตใจของราฮิลลาและเซสต้า ทั้งสองต่างก็เห็นว่าตน“ได้รับ”การช่วยเหลือมามากแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ควรเป็น“ผู้ให้” ซึ่งกระปุกออมบุญถือเป็นหนึ่งในโอกาสในการทำความดี ทั้งสองจึงนำกระปุกออมบุญกลับบ้าน ร่วม “ออมเงินน้อย สร้างบุญใหญ่” และนำมามอบให้อาสาสมัครฉือจี้ในกิจกรรมอบรมล่ามแปลภาษาในครั้งต่อมา เช่นในวันนี้ราฮิลลาก็ถือโอกาสก่อนเดินทางไปยังประเทศที่สาม นำกระปุกออมบุญมามอบให้อาสาสมัครฉือจี้ นำความรักของเธอและครอบครัว ไปช่วยผู้อื่นต่อไป “แม้ว่าเราจะหยอดกระปุกออมบุญแค่วันละ 1 บาท แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเรา ถ้าเรามีมากเราก็ให้มาก มีน้อยเราก็ให้น้อย ถึงแม้มันจะเป็นเงินไม่มาก แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราทำมาจากใจ”

 

BLUR3 resize

▲ 27 ตุลาคม 2559 อาสาสมัครฉือจี้ คุณเผิงชิวอวี้เคียงคุณตอริสในห้องผ่าตัด คอยดูแลตลอดการผ่าตัดรักษาต้อกระจก


อาสาสมัครดูแลด้วยความใส่ใจ เคียงข้างผู้ลี้ภัยก้าวผ่านความทุกข์
กิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี มิใช่แค่การให้บริการด้านการแพทย์ในทุกอาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือนในสถานธรรมจิ้งซือ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยเท่านั้น หากทราบว่ามีผู้ป่วยต้อกระจก ต้องการการผ่าตัดรักษา ทางมูลนิธิก็ยินดีให้การช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และบริการรับส่งเดินทางไปผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร


คุณตอริส ก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยที่ได้รับการช่วยเหลือผ่าตัดรักษาต้อกระจก โดยเซสต้าและราฮิลลาได้ขอความช่วยเหลือไปยังคุณกวอเหมยจวิน ซึ่งเป็นอาสาสมัครผู้ประสานงานล่ามแปลภาษาว่า แม่ของเธอทั้งสองจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาต้อกระจก เมื่อผ่านการตรวจเช็ดร่างกายในเบื้องต้นแล้ว คุณตอริสก็ได้รับการผ่าตัดรักษาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2559 ในระหว่างการผ่าตัดรักษาต้อกระจกนั้น มีอาสาสมัครฉือจี้ คุณหวังเสียนและคุณเผิงชิวอวี้ คอยดูแลด้วยความใส่ใจ สร้างความอุ่นใจให้ทั้งสามได้ไม่น้อย “อาสาสมัครดูแลพวกเราดีมากเลยค่ะ มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆที่เราได้รับ พวกเราคิดว่า อาสาสมัครเป็นดั่งพระโพธิสัตว์ในโลกมนุษย์ และกำลังช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน”

 

BLUR4 resize

▲ มีอาสาสมัครฉือจี้คอยดูแลเคียงข้างตลอดการผ่าตัดรักษาต้อกระจก ทำให้เซสต้า ราฮิลลา และคุณแม่ตอริส ต่างก็รู้สึกประทับใจ


ที่จริงแล้ว ในช่วงเวลานั้น ครอบครัวของเธอได้รับการแจ้งข่าวว่า สามารถเดินทางไปประเทศที่สามได้แล้ว และอยู่ในระหว่างการรอเดินทาง ทว่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ทั้งสามจะเดินทางไปนั้น มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารประเทศ อันสร้างความกังวลเธอและครอบครัวไม่น้อย โดยเฉพาะคุณตอริสวัย 72 ปี มีความกังวลว่าจะอยู่รอไม่ถึงวันที่ได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ความเครียดสะสมส่งผลเสียต่อสุขภาพ คุณตอริสมักจะมีอาการปวดหัวและทรงตัวไม่ค่อยได้ จนกระทั่ง 6 กุมภาพันธ์ 2560 คุณตอริสฝันร้ายจนตกเตียงได้รับบาดเจ็บรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่ด้วยศรีษะฟาดพื้นได้รับการกระทบกระเทือนหนักและความเครียด ทำให้ตอนนั้นคุณตอริสไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเอง
ช่วงแรกๆนั้น คุณตอริส ผู้เป็นแม่เดินไม่ได้นั้น สองพี่น้องต้องช่วยพยุงแม่ไปโรงพยาบาลด้วยความทุลักทุเล ทั้งสองจึงพูดคุยกับคุณกวอเหมยจวิน เพื่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ เมื่อทราบถึงความเดือดร้อนแล้ว คุณหวังจง-เสียนจึงเร่งจัดซื้อและมอบรถเข็นให้พวกเธออย่างเร่งด่วน ซึ่งการช่วยเหลือนี้ ไม่เพียงทำให้สองพี่น้องพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้น ในขณะเดียวกันยังสะดวกพาแม่ไปเดินเล่นข้างนอก ลดอาการเครียดลงได้บ้าง

 

20170624-021-byxiaolian resize

▲24 มิถุนายน 2560 ราฮิลลานำรถเข็นมาคืนให้ทางมูลนิธิ พร้อมด้วยเสื้อผ้ามือสองซักสะอาดแล้ว เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป

 

ไม่นานจากนั้น ทั้งสามก็ได้รับการยืนยันว่าผ่านการรับรองให้เดินทางไปยังประเทศที่สาม ความเครียดของคุณตอริสก็ลดน้อยลง อาการเจ็บป่วยก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเดินได้ตามปกติ ไม่ต้องพึ่งรถเข็นอีกแล้ว ดังนั้น วันนี้ราฮิลลาจึงนำรถเข็นมาคืนให้ทางมูลนิธิ พร้อมด้วยเสื้อผ้ามือสองซักสะอาดแล้ว เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป
ส่งคำอวยพร เคียงข้างผู้ลี้ภัยให้ปลอดภัย


จากการพูดคุยทราบว่า ราฮิลลาและครอบครัว จะต้องออกจากห้องเช่าตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2560 เพื่อไปพักอาศัยและดำเนินตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องที่สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นเวลา 5 วัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ตัวแทนอาสาสมัครฉือจี้ คุณหวังจงเสียนและคุณเผิงชิวอวี้ จึงเดินทางไปเยี่ยมเยียน พูดคุยให้กำลังใจและอวยพรทั้งสามอีกครั้ง

 

20170627-012-bydatchanee resize

▲ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา 27 มิถุนายน 2560 อาสาสมัครเดินทางยังห้องพักของพวกเธออีกครั้ง เพื่อให้กำลังใจและอวยพร คุณตอริส (กลาง) กล่าวว่า “ใบหน้าของคุณ (คุณเผิงชิวอวี้)จะอยู่ในใจของฉันตลอดไป”


อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งย่านพระรามสอง แม้ห้องพักจะมีขนาดเล็ก อีกทั้งค่าเช่าห้องก็ยังแพง ทว่า ด้วยระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม จึงทำให้เซสต้า ราฮิลลา และแม่ตัดสินใจย้ายมาอาศัยที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้เป็นเวลา 2 ปีกว่าๆแล้ว อีกเพียงไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งสามก็จะย้ายไปยังบ้านใหม่ในประเทศที่สามแล้ว ภายในห้องจึงดูสะอาดสะอ้าน สิ่งของต่างๆถูกเก็บเตรียมไว้ข้างผนังห้องอย่างเป็นระเบียบ วันนี้ทั้งสามมีความสดใส โดยเฉพาะคุณตอริส ซึ่งแววตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง


ระยะเวลาประมาณ 4 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ทั้งสามต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ หลีกเลี่ยงการถูกตำรวจจับ โดยคุณตอริสค่อนข้างจะมีความระแวง เพียงแค่เห็นคนในเครื่องแบบ เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.) ก็จะรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ฉะนั้น นอกจากการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ และมาพบแพทย์ในวันรักษาพยาบาลฟรีแล้ว คุณตอริสไม่กล้าออกไปไหนเลย 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน จึงอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ

 

BLUR5

▲ ในดินแดนที่มีอิสรภาพ เซสต้าก็อยากจะตามหาความใฝ่ฝันของตัวเอง เป็นหนึ่งกระบอกเสียงให้ผู้หญิง

 

“ใบหน้าของคุณ (คุณหวังจงเสียนและคุณเผิงชิวอวี้)จะอยู่ในใจของฉันเสมอ เพราะฉันซาบซึ้งใจที่คุณทั้งสองช่วยพาฉันไปผ่าตัดรักษาตาต้อกระจก” เพียงแค่พบอาสาสมัครฉือจี้ คุณตอริสกล่าวขอบคุณออกมาด้วยความดีใจ ในช่วงเวลาแห่งความปีตินี้ คุณเผิงชิวอวี้ ก็ตอบกลับคุณตอริสว่า “ฉันก็จะจดจำคุณไว้ตลอดเช่นกันค่ะ”


ในส่วนของเซสต้านั้น เธอคิดว่าการไปใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาในช่วงแรกนั้น คงต้องปรับตัวหลายๆอย่าง และในชีวิตที่มีอิสรภาพมากขึ้น เธอก็ตั้งใจว่าจะขอเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงให้สตรี บอกกล่าวเรื่องราวความเป็นอยู่ของผู้หญิงในปากีสถานให้โลกได้รับรู้ “ฉันอยากจะทำงานที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อยากจะทำงานที่มีความหมายต่อชีวิตของฉันเอง โดยเฉพาะงานที่เป็นประโยชน์ต่อผู้หญิง ฉันตั้งใจว่าฉันจะเป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิง ส่งเสริมให้ผู้หญิงมีพลังและบทบาทในสังคมมากยิ่งขึ้น”

 

20170627-025-bydatchanee resize

▲ อาสาสมัครฉือจี้ คุณเผิงชิวอวี้นำพวงกุญแจอันมีความเปี่ยมไปด้วยความหมาย มอบให้เซสต้า ราฮิลลา และคุณแม่ตอริส เพื่อส่งคำอวยพรอันจริงใจ เคียงข้างพวกเธอสู่ประเทศที่สามอย่างปลอดภัย

 

ก่อนจากกัน อาสาสมัครฉือจี้ยังได้นำพวงกุญแจอันมีความเปี่ยมไปด้วยความหมาย มอบให้เซสต้า ราฮิลลา และคุณแม่ เพื่อแสดงถึงความยินดีและคำอวยพร คุณเผิงชิวอวี้อธิบายความหมายของพวกกุญแจว่า “ตัวอักษรของตัว ตัวแรกคือ “ผิง”(平) ตัวที่สองคือ “อาน” (安)มีความหมายว่าปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณทั้งสามจะปลอดภัย ส่วนพวงกุญแจอีกอันหนึ่ง มีความหมายว่า ความรักนี้มาจากไต้หวัน”

 

20170627-038-bydatchanee resize

▲ ภาพการโบกมือลาที่แสดงต่อกันในครั้งนี้ มิใช่การ “จากลา” หากแต่หมายถึงว่า “พบกันใหม่”


แม้จะยินดีกับชีวิตใหม่ของพวกเขาในอีกไม่วัน แต่อาสาสมัครก็ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่น้อย อาสาสมัครฉือจี้สวมกอดทั้งสามด้วยความรัก ต่างฝ่ายต่างก็อวยพรให้กันและกัน ภาพการโบกมือลาที่แสดงต่อกันในครั้งนี้ มิใช่การ “จากลา” หากแต่หมายถึงว่า “พบกันใหม่” อาสาสมัครฉือจี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในดินแดนในฝัน ในบ้านหลังใหม่นั้น พวกเธอทั้งสามจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ราบรื่น และมีความสุขตลอดไป

 

 


เรื่อง กวอเหมยจวิน , เผิงชิวอวี้ , ดรรชนี  สุระเทพ  ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี , บุษรา สมบัติ , ดรรชนี สุระเทพ , หลอรุ่ยซิน