ความรักอันยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน จากการรักษาพยาบาลขยายสู่การกุศล
ความขัดแย้งด้านศาสนา เชื้อชาติ การเมืองและวัฒนธรรม ก่อให้เกิดความรุนแรงต่างๆมากมาย อันทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถอาศัยอยู่ในถิ่นฐานบ้านเกิดที่ตนรักได้ต่อไป จึงเลือกอพยพไปอาศัยยังประเทศอื่น เพื่อหลีกหนีกับปัญหาต่างๆที่เคยพบพาน ทว่า การอาศัยอยู่ในต่างถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ก็มิใช่เรื่องที่ง่ายนัก และมักไม่เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้ แม้ว่าพวกเขาจะเข้าประเทศนั้นๆอย่างถูกกฏหมายในตอนแรก แต่เพราะการอาศัยอยู่เกินกำหนด ทำให้พวกเขามีสภานภาพเป็นผู้ลี้ภัยในเวลาต่อมา พวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย ไม่ได้รับสวัสดิการใดๆจากรัฐ หากพวกเขาเจ็บป่วยหรือพบเจอกับเรื่องไม่คาดคิดขึ้นล่ะ พวกเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร
▲ คุณโกบีนาท (กลาง) ช่วยพาคุณปูวาเนสวารี (ขวา 1) มาพบแพทย์ในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีวันที่ 30 เมษายน และขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครฉือจี้
ความรักอันยิ่งใหญ่ไม่แบ่งแยก จากการรักษาพยาบาลขยายสู่การกุศล
ความรักอันยิ่งใหญ่ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือพรมแดน มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย เริ่มจัดกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2558 และยังคงดำเนินการต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รวมเป็นระยะเวลาย่างเข้าปีที่ 3 แล้ว เมื่อตุลาคม พ.ศ.2559 ทางมูลนิธิฯไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาพยาบาล หากยังเริ่มขยายการให้บริการสู่การกุศล ยื่นมือช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยรับดูแลเป็นครอบครัวผู้ยากไร้ของฉือจี้ มอบเงินสงเคราะห์และสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน หวังให้พวกเขาได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ปัจจุบันทางมูลนิธิฯให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในด้านการกุศลแล้ว 5 ครอบครัว โดยมี 3 ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงยุติการช่วยเหลือ มีเพียง 2 ครอบครัวที่ทางมูลนิธิฯยังให้การช่วยเหลืออยู่
▲ 8 พฤษภาคม อาสาสมัครฉือจี้เดินทางไปยังโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อช่วยจ่ายค่าประกันผ่าตัดรักษาให้คุณปูวาเนสวารี (ขวา)
คุณปูวาเนสวารี ชาวศรีลังกา เดิมทีอาศัยอยู่กับสามี แม่ และลูกสาวที่ศรีลังกา สองสามีภรรยารับจ้างซ่อมเสื้อผ้าหาเลี้ยงครอบครัว ทว่า ด้วยความขัดแย้งด้านการเมือง วันหนึ่ง สามีถูกบุคคลนิรนามยิงเสียชีวิตในขณะเดินทางไปทำงาน หลังจากนั้นเธอยังถูกคุกคามมาโดยตลอด และมีท่าทีว่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้เธอตัดสินใจอพยพมายังเมืองไทย โดยหวังว่าภายใต้แผ่นดินแห่งพุทธศาสนาถิ่นนี้ จะช่วยปกป้องชีวิตเธอและครอบครัว และมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย สงบสุข
ปัจจุบันคุณปูวาเนสวารี แม่และลูกสาว อาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำรวจจับ เธอจึงยังคงยึดอาชีพรับซ่อมเสื้อผ้าหาเลี้ยงครอบครัวเช่นเดิม ซึ่งนอกจากจะเป็นงานที่สามารถทำได้ที่บ้านแล้ว ในขณะเดียวกันยังได้ดูแลแม่ที่แก่ชรา และลูกสาวได้ แม้ว่ารายได้ต่อเดือนจะได้ประมาณ 5,000 บาท แต่ก็สามารถใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าห้องเดือนละ 3,000 บาท และประทัง 3 ชีวิตให้อยู่รอดไปได้
▲ 13 พฤษภาคม อาสาสมัครฉือจี้เดินทางไปเยี่ยมเยี่ยมคุณปูวาเนสวารี (ซ้าย 2)ที่บ้าน
ทว่า 23 มีนาคม ที่ผ่านมา คุณปูวาเนสวารีถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน ขณะกลับจากออกไปรับงานซ่อมเสื้อผ้ามาทำที่บ้าน เธอถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แพทย์ได้วินิจฉัยอาการว่า กระดูกแขนซ้ายหักจากการล้มกระแทก และควรรับการผ่าตัดรักษา โดยทางโรงพยาบาลได้เรียกค่าผ่าตัดเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท คุณโกบีนาท ซึ่งเป็นผู้ประสานงานของกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวทมิฬ และเป็นหนึ่งในล่ามแปลภาษาในกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี จึงได้ช่วยพาคุณปูวาเนสวารีมาพบแพทย์ในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีวันที่ 30 เมษายน และขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครฉือจี้
▲ หลังจากเยี่ยมเยียน เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของคุณปูวาเนสวารีแล้ว อาสาสมัครได้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินให้คุณปูวาเนสวารีและครอบครัว
เมื่อทราบถึงความเดือดร้อนแล้ว 8 พฤษาคม 2560 อาสาสมัครฉือจี้จึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อจ่ายเงินประกันค่าผ่าตัดรักษาจำนวน 30,000 บาทให้คุณปูวาเนสวารี แต่เนื่องด้วยแพทย์ประจำตัวต้องเดินทางไปประชุมต่างประเทศ จึงต้องเลื่อนการผ่าตัดรักษาออกไป คุณปูวาเนสวารีซึ่งเพิ่งนอนพักรอการผ่าตัดได้เพียง 2 วัน จึงต้องออกจากออกจากโรงพยาบาล เพื่อรอแพทย์กลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน โดยนัดผ่าตัดอีกครั้งในวันที่ 18 พฤษาภาคม
▲ เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิพุทธฉือจี้แล้ว คุณปูวาเนสวารี(ขวา 1) ก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข
ด้วยทราบว่าช่วงเวลาดังกล่าว คุณปูวาเนสวารีไม่มีรายได้ 13 พฤษภาคม 2560 อาสาสมัครฉือจี้จึงไปเดินทางไปเยี่ยมบ้านและมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 4,000 บาท เมื่อได้รับการช่วยเหลือเช่นนี้แล้ว แม่ของคุณปูวาเนสวารีจึงรู้สึกซาบซึ้งใจ จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะหลังจากที่คุณปูวาเนสวารีประสบอุบัติเหตุ เธอก็ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดให้การช่วยเหลือ แม่ของคุณปูวาเนสวารีจึงรู้สึกขอบคุณมูลนิธิพุทธฉือจี้ ที่ไม่เพียงจ่ายเงินประกันค่าผ่าตัด ให้คุณปูวาเนสวารีได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างอุ่นใจ เมื่อทราบว่าเธอออกจากโรงพยาบาล ยังเดินทางมาเยี่ยมเยียนและมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน แม่ของคุณพูวาเนสวารีจึงรู้สึกซาบซึ้งใจจนเป็นลมล้มพับ
ต่อมา เมื่อแพทย์เดินทางกลับจากประชุมต่างประเทศ คุณปูวาเนสวารีก็ได้มาพบแพทย์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้แพทย์ได้บอกว่า กระดูกแขนซ้ายที่เคยหักได้สมานตัวดีแล้ว และจะดีขึ้นเรื่อยๆโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา ทางมูลนิธิฯจึงช่วยคุณปูวาเนสวารีจ่ายเพียงค่าห้องพักโรงพยาบาล 3,000 กว่าบาท และทางโรงพยาบาลก็ได้คืนเงินประกันค่าผ่าตัดรักษาให้มูลนิธิฯ
▲ปัจจุบันอาการของคุณพูวาเนสวารีดีจนสามารถถอดเฝือกออกได้แล้ว ทว่า ยังไม่หายเป็นปกติ ไม่สามารถรับงานซ่อมเสื้อผ้าได้ มูลนิธิพุทธฉือจี้จึงให้การช่วยเหลือต่อไป จนกว่าคุณพูวาเนสวารีจะหายเป็นปกติ กลับมาทำงานมีรายได้ที่มั่นคงได้ดังเดิม
เพราะโลกนี้มีความรัก โลกนี้จึงเต็มไปด้วยความอบอุ่นทุกหนแห่ง
ตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2560 เป็นต้นมา ทางมูลนิธิฯได้รับดูแลคุณปูวาเนสวารีเป็นครอบครัวผู้ยากไร้ โดยมอบเงินสงเคราะห์เดือนละ 4,500 บาท อาสาสมัครฉือจี้ คุณจางฮุ่ยหลาน แบ่งปันว่า “พวกเราไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา หลังจากมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินแล้ว มูลนิธิพุทธฉือจี้ยังดูแลต่อเนื่อง ผ่านไป 3 เดือน พบว่าแขนของคุณปูวาเนสวารียังไม่หายเป็นปกติดีนัก เราจึงให้การช่วยเหลือเธอมาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ”
เมื่อได้เห็นพี่น้องร่วมชาติได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิพุทธฉือจี้แล้ว ทำให้คุณโกบีนาทรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก คุณโกบีนาทแสดงความขอบคุณแทนคุณปูวาเนสวารีว่า “ผมขอพูดคำว่า “ขอบคุณ” ต่อท่านธรรมาจารย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้จากใจจริง เพราะความเมตตาของท่าน ทำให้ฉือจี้ในเมืองไทยได้ดำเนินกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีได้อย่างยาวนาน และให้บริการแก่พี่น้องผู้ลี้ภัยได้หลากหลายด้าน”
คุณโกบีนาทยังเล่าว่า อย่างน้อยความช่วยเหลือของมูลนิธิพุทธฉือจี้ ก็ช่วยทำให้คุณปูวาเนาวารีรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น และทำให้รู้สึกได้ว่า ในยามที่เธอตกทุกข์ได้ยากเช่นนี้ ยังมีอาสาสมัครฉือจี้คอยอยู่เคียงข้างเธอ คุณโกบีนาทแบ่งปันความรู้สึกว่า “ผมคิดว่าเป็นการช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์และสำคัญมากสำหรับผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าหากเราไม่ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิพุทธฉือจี้ เราอาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้ครับ”
ปัจจุบันอาการของคุณปูวาเนสวารีดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถถอดเฝือกออกได้แล้ว ทว่า ก็ยังมีอาการเจ็บแปลบๆเมื่อขยับแขน ไม่สามารถยกสิ่งของหนักหรือทำงานซ่อมเสื้อผ้าได้ และต้องหมั่นทำกายภาพบ่อยๆ ส่วนมูลนิธิพุทธฉือจี้ยังคงการช่วยเหลือต่อไป จนกว่าคุณพูวาเนสวารีจะหายเป็นปกติ กลับมาทำงานมีรายได้ที่มั่นคงได้ดังเดิม อาสาสมัครฉือจี้ขออวยพรให้คุณปูวาเนสวารี หายเป็นปกติในเร็ววัน
▲ การทำงานเป็นล่ามแปลภาษาในกิจกรรมรักษาพยาบาลฟรีนั้น คุณโกบีนาท (ซ้าย) ไม่เพียงได้ทำหน้าที่ล่ามแปลภาษา หากยังได้ช่วยเหลือพี่น้องผู้ลี้ภัยให้ได้รับการช่วยเหลือไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย
เรื่อง ดรรชนี สุระเทพ ภาพ หวังจงเสียน , จางฮุ่ยหลาน , บุษรา สมบัติ , ดรรชนี สุระเทพ