ค้นหาข่าว

คลินิกพิเศษ เพิ่มวันรักษาพยาบาลฟรี

 20171007-027-bydatchanee resize

 

มุ่งมั่นพัฒนา ปรับปรุงการรักษาพยาบาลให้ดียิ่งขึ้น

มุ่งมั่นพัฒนา ปรับปรุงการรักษาพยาบาลให้ดียิ่งขึ้น
“เรียนรู้ระหว่างลงมือทำ ลงมือทำระหว่างเรียนรู้” มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยจัดคลินิกพิเศษ เพิ่มวันรักษาพยาบาลฟรีต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และเพื่อบริการผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาสาสมัครฉือจี้ไม่หยุดที่จะปรับปรุงพัฒนา นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในคลินิกพิเศษ

 

 

20171007-055-bydatchanee resize

▲ ก่อนคลินิกพิเศษจะเริ่มขึ้น 1 วัน คุณพิพัฒน์ ทิพย์ธวัชวงศา ส่งข้อความแจ้งเตือนให้ผู้ป่วยที่ลงทะเบียยนจองคิวตรวจรักษา

 

อาสาสมัครฉือจี้เริ่มใช้ระบบจองคิวออนไลน์ในคลินิกพิเศษครั้งที่ผ่านมา แต่พบว่ายังขาดเหลือในส่วนระบบการแจ้งเตือนผู้ป่วย ครั้งนี้อาสาสมัครฉือจี้จึงเพิ่มการให้บริการดังกล่าว คุณพิพัฒน์ ทิพย์ธวัชวงศา อธิบายว่า “ตอนที่ผู้ป่วยลงทะเบียนในระบบจองคิวออนไลน์นั้น เราจะให้พวกเขากรอกเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นเราก็จะส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยทราบหมายเลขคิวและเวลาพบแพทย์ ประหยัดเวลาในการรอคอย ช่วยให้อาสาสาสมัครจัดระบบต่างๆได้ง่ายขึ้น และลดความแออัดของจำนวนผู้ป่วยในช่วงเช้าได้ ”

 

20171007-056-bydatchanee resize

▲ ข้อความที่ส่งแจ้งเตือนผู้ป่วยนั้น ระบุหมายเลขคิวและเวลาพบแพทย์อย่างชัดเจน ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการพบแพทย์ และทำให้อาสาสมัครสามารถจัดระบบต่างๆได้ดียิ่งขึ้น


“ใช่ครับ ผมคิดว่าเป็นระบบที่ดีมากเลย เป็นบริการที่ดีและทำให้ผมได้รับความสะดวกมากขึ้นครับ” คุณนาเซอร์ ผู้ป่วยชาวอิหร่าน แสดงความคิดเห็นชื่นชมและเป็นอีกเสียงยืนยันว่า ระบบการให้บริการของคลินิกพิเศษทำให้พวกเขาได้รับความสะดวกมากขึ้น คุณนาเซอร์เล่าว่า เขาทราบข่าวกิจกรรมคลีนิกพิเศษจากกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีที่เขามาร่วมในวันอาทิตย์ที่ 4 ของทุกเดือน แต่เนื่องจากเขาตาบอด ส่วนภรรยาก็ไม่เข้าใจในภาษาอังกฤษ เขาจึงให้ลูกชายช่วยสแกนคิวอาร์โค้ด และเข้าไปลงทะเบียนจองคิวในเว็บไซต์ของคลินิกพิเศษ คุณนาเซอร์ยังเล่าอีกว่า เพราะว่าเขาตาบอด จึงต้องให้ภรรยาช่วยพยุงเดินและนำทางตลอด และใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานกว่าคนปกติ ดังนั้นเมื่อได้รับข้อความแจ้งเตือนจากคลินิกพิเศษ ไม่เพียงทำให้เขารู้สึกอุ่นใจที่ได้รับหมายเลขคิวรับการรักษา อีกทั้งเวลาพบแพทย์ที่แจ้งไว้อย่างชัดแจน ยังทำให้เขาสามารถจัดสรรเวลา เพื่อเดินทางมาพบแพทย์ได้อย่างเหมาะสม

 

20171007-016-bydatchanee resize

▲ คุณไป๋เพ่ยฮว๋า ภริยาผู้แทนรัฐบาลสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (ขวา 1) ร่วมเป็นจิตอาสาบริการผู้อื่น ช่วยวัดส่วนสูง น้ำหนักให้ผู้ป่วยอย่างตั้งใจ


ในโอกาสนี้ คุณนาเซอร์ยังเล่าถึงเรื่องราวภูมิหลังของเขาว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในอิหร่านเป็นชาวมุสลิม เดิมทีแล้วตัวเขาเองก็เป็นชาวมุสลิมเช่นเดียวกัน ภายหลังเขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง จนทำให้ตาของเขาบอด เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทกับพ่อแม่ คุณนาเซอร์ ภรรยา และลูกชายทั้ง 3 คน จึงอพยพมายังเมืองไทย ปัจจุบันพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองไทยมาแล้ว 1 ปีครึ่ง แม้จะมีสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัย แต่พวกเขาก็รู้สึกอุ่นใจที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่มีอิสระภาพในการนับถือศาสนา แม้แต่ในเวลาเจ็บป่วยก็ยังได้รับบริการทางการแพทย์จากกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครฉือจี้คอยบริการด้วยความใส่ใจและเสมอภาค ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณนาเซอร์รู้สึกประทับใจมาโดยตลอด

 

20171007-035-bydatchanee resize

▲ คุณไป๋เพ่ยฮว๋า (ขวา 1) ช่วยพาผู้ป่วยตาบอดไปรับยา


ผู้ใจบุญร่วมใจกุศล ทำจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น
ภายใต้การทุ่มเทเสียสละของบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครฉือจี้ รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่คุณไป๋เพ่ยฮว๋า ภรรยาผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป มาร่วมกิจกรรมคลินิกพิเศษ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานในจุดวัดส่วนสูง น้ำหนัก ห้องตรวจ หรือห้องรับยา คุณไป๋เพ่ยฮว๋าล้วนมีความมุ่งมั่นตั้งใจบริการผู้ป่วย คุณไป๋เพ่ยฮว๋าแบ่งปันความรู้สึกว่า “ในการทำงานในเมืองไทย เรามิใช่แค่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเท่านั้น พวกเราควรที่จะร่วมเป็นจิตอาสา ทำกิจกรรมการกุศลให้มากขึ้น เพื่อแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ในทุกสังคม ทั้งไต้หวัน เมืองไทย นานาประเทศ ”

 

20171007-036-bylek resize

▲ ขอขอบคุณในความทุ่มเทเสียสละของจิตอาสาชาวไทย ที่มาช่วยงานถ่ายเอกสารต่างๆอย่างตั้งใจ


และขอขอบคุณในความช่วยเหลือของจิตอาสาชาวไทย ยกตัวอย่างเช่น คุณมนัสนันท์ พัฒนจารุวัฒน์ ที่รู้จักมูลนิธิพุทธฉือจี้จากอาสาสมัครเสื้อเทาคนหนึ่ง จากนั้นจึงค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของมูลนิธิด้วยตนเอง ด้วยรู้สึกประทับใจในแนวคิดของท่านธรรมาจารย์ คุณมนัสนันท์จึงติดต่อมายังคุณสุวรรณี ชัยธนานิติพงษ์ ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายเลขา ทำให้ทราบว่าวันมีคลินิกพิเศษในวันดังกล่าว แม้ว่าจะไม่เข้าใจในมูลนิธิพุทธฉือจี้อย่างลึกซึ้งมากนัก ไม่เคยร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิมาก่อน ไม่ทราบลักษณะกิจกรรมคลินิกพิเศษ และไม่เพื่อนมาด้วยกัน แต่คุณมนัสนันท์ยังคงตัดสินใจมาร่วมกิจกรรมอย่างไม่ลังเล เพราะเชื่อว่าความสามารถของตนไม่มีขีดจำกัด โดยวันดังกล่าว คุณมนัสนันท์ได้ช่วยจัดเตรียมอาหารในห้องครัว และแบ่งปันความรู้สึกว่า “ถ้าเราอยู่ที่บ้าน เราก็ช่วยเหลือได้แค่คนในครอบครัว แต่ถ้ามาร่วมกิจกรรมแบบนี้ เราก็จะได้ช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น”

 

20171007-049-bydatchanee resize

▲ คุณมนัสนันท์ พัฒนจารุวัฒน์ (ขวา 1) แบ่งปันว่า การได้มาร่วมเป็นจิตอาสาในคลินิกพิเศษ ทำให้ตนได้ช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้น

 

 


เรื่อง ดรรชนี สุระเทพ     ภาพ ดรรชนี สุระเทพ