ค้นหาข่าว

ความรักอันยิ่งใหญ่ของแพทย์ผู้ประเสริฐ ร่วมออกหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพผู้ลี้ภัย

 

20150726-97-byxiaolian resize

 

ความรักอันยิ่งใหญ่ของแพทย์ผู้ประเสริฐ ร่วมออกหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพผู้ลี้ภัย

 

การมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดซึ่งห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร เมื่อตนเองหรือญาติพี่น้องเจ็บไข้ได้ป่วย จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากลำบาก นี่จึงเป็นมูลเหตุให้ นพ.สุรพงษ์ บุญประเสริฐ มีความใฝ่ฝันที่จะเป็น “แพทย์”

 


“สมัยก่อน เวลาพ่อแม่พี่น้องเราป่วยไข้ ก็จะรู้สึกว่าหมอคือที่พึ่งของเรา ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่า อาชีพหมอมันน่าจะทำให้คนมีความสุข โดยเฉพาะครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเรา ซึ่งคุณพ่อผมเองก็มีโรคประจำตัว นี่จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากจะเป็นหมอครับ” นพ.สุรพงษ์กล่าว โดยท่านได้จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2536 และเข้าศึกษาต่อศัลยแพทย์ในทันที จนเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ.2540 จึงได้เริ่มบทบาท “แพทย์” อย่างเป็นทางการ

 


ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี นพ.สุรพงษ์ ได้ผ่าตัดรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก จนแทบนับไม่ถ้วน โดยท่านมักแบ่งปันกับบุคลากรในโรงพยาบาลบ้านแพ้วเสมอว่า เมื่อไรก็ตามที่ได้เห็นคนไข้หายป่วย เมื่อนั้นความเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน ก็จะมลายหายไป เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนน้ำที่มาหล่อเลี้ยงจิตใจ ให้ยืนหยัดทุ่มเททำงานเพื่อคนไข้มาจนถึงทุกวันนี้


นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า “ความสุขที่ได้เห็นคนไข้หายป่วย มันเยอะมาก จนเราจำได้ไม่หมด แต่มีคนหนึ่งซึ่งผมจำได้แม่นยำ คือ เขาประสบเหตุมาแล้วหัวใจหยุดเต้น เราจึงรีบผ่าตัดรักษา จนเขารอดชีวิต โดยในวันที่เขาจะกลับบ้าน ลูกเล็กๆ กับภรรยาของเขาก็มารับ วันนั้นเรารู้สึกมีความสุขมาก นั่นเพราะทำให้ได้รู้ว่า เราไม่ได้ช่วยแค่ผู้ป่วยคนนั้นเพียงคนเดียว แต่เรายังได้ช่วยลูกของเขา ไม่ให้ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าอีกด้วย เพราะแม้เราจะรักษาแค่คนหนึ่งคน แต่คนหนึ่งคนนั้น อาจจะเป็นที่พึ่งพิงของใครอีกหลายคน นั่นเท่ากับเราก็ได้ช่วยเหลือพวกเขาไปด้วยพร้อมกันครับ”

 

20150123-07-byxiaolian resize

▲ก่อนเริ่มกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรีครั้งแรก วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2558 นพ.สุรพงษ์ บุญประเสริฐ นำคณะทำงาน เดินทางมายังสถานธรรมจิ้งซือ เพื่อทำความเข้าใจถึงแผนผังของสถานที่จัดกิจกรรม

 

พ.ศ.2548 นพ.สุรพงษ์ บุญประเสริฐ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้วในขณะนั้น ได้ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานที่ฉือจี้ไต้หวัน และถือเป็นครั้งแรกที่ นพ.สุรพงษ์ ได้มีโอกาสสัมผัสกับจิตอาสาฉือจี้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ท่านจึงได้เดินทางไปฉือจี้ไต้หวันรวมถึง 6 ครั้งด้วยกัน


ภายหลังเมื่อท่านดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) จึงได้ให้การสนับสนุนการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของสมาคมแพทย์อาสาฉือจี้ในประเทศไทยมาโดยตลอด ท่านกล่าวว่า “โรงพยาบาลบ้านแพ้วเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลรัฐบาล ซึ่งก็มีการตรวจรักษาคนไข้ทุกวันอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ทำงาน เราก็จะได้รับค่าตอบแทน เป็นเงินเดือนบ้าง หรือเป็นค่าเวรบ้าง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาทำงานกับฉือจี้เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมสัมผัสได้ว่า แม้จะทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่เราก็มีความสุข มันแปลกดี ในขณะที่เราก็ผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ทุกวัน แต่นั่นเพราะเราทำตามหน้าที่ของ ‘หมอ’ แต่วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสมาทำจิตอาสากับฉือจี้ โดยไม่ได้หวังผลอะไร มันก็ทำให้ตนเองมีความสุข ผมจึงทำเรื่อยมาครับ” การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แม้จะต้องเสียสละวันหยุดพักผ่อน เดินทางไปยังสถานที่อันห่างไกล หรือบางครั้งก็ต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทว่าหากสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงและหายป่วยได้ แพทย์ผู้ประเสริฐเหล่านี้ต่างก็ยินดีทุ่มเทด้วยหัวใจ


นับตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.2558 เป็นต้นมา อาสาสมัครฉือจี้ในประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ช่วยเหลือดูแลสุขภาพของผู้ลี้ภัยในกรุงเทพมหานครเป็นประจำทุกเดือน ทุกขั้นตอน ทั้งการวางแผนงานก่อนเริ่มกิจกรรม จนถึงการร่วมตรวจรักษาผู้ป่วย จะได้เห็นถึงภาพความทุ่มเทแรงกายแรงใจด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของ นพ.สุรพงษ์ บุญประเสริฐ
ท่านกล่าวว่า “สิ่งสำคัญในการออกหน่วยทุกครั้ง คือ การเตรียมตัวเพื่อไปพบเจอสิ่งที่แปลกใหม่ อย่างเช่นมาที่นี่ ก็จะเจอในเรื่องของภาษาการสื่อสาร ซึ่งอันนั้นเราคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญกว่าอุปสรรคในเรื่องอากาศอันร้อนอบอ้าว หรือสถานที่ ซึ่งอาจจะไม่ครบครัน เพราะการออกหน่วยเราก็เข้าใจว่า คงไม่เหมือนการตรวจรักษาในโรงพยาบาล”

 

20150301-67-byxiaolian resize

▲นพ.สุรพงษ์ ไม่เพียงผลักดันให้บุคลากรในโรงพยาบาลบ้านแพ้วมาร่วมเป็นจิตอาสา ทว่าท่านยังทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ด้วยการยืนหยัดมาร่วมออกหน่วยเป็นแพทย์อาสาด้วยทุกครั้ง 

 

นพ.สุรพงษ์ บุญประเสริฐ ไม่เพียงผลักดันและสนับสนุนให้แพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลบ้านแพ้ว มาร่วมทำงานออกหน่วยตรวจรักษาโรคเคลื่อนที่กับฉือจี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านยังให้ความอนุเคราะห์ช่วยรักษาและดูแลผู้ป่วยยากไร้ ของมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยอีกด้วย


“แพทย์พยาบาล อาจจะเป็นที่พึ่งพิงของคนหนึ่งคน แต่คนหนึ่งคนนั้น อาจจะเป็นที่พึ่งพิงของสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคน” ความเมตตากรุณาของแพทย์พยาบาลที่ช่วยรักษาคนหนึ่งคน จึงเปรียบเสมือนการช่วยเหลือทั้งครอบครัว


“กิจกรรมบริการชุมชน รักษาพยาบาลฟรี” ซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือน ตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2558 เป็นต้นมา นพ.สุรพงษ์ ไม่เพียงผลักดันให้บุคลากรในโรงพยาบาลมาร่วมเป็นจิตอาสา ทว่าท่านยังทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ด้วยการยืนหยัดมาร่วมออกหน่วยเป็นแพทย์อาสาด้วยทุกครั้ง เพื่อร่วมดูแลชีวิต ดูแลสุขภาพและดูแลจิตวิญญาณด้วยความรักของแพทย์ผู้ประเสริฐ

 


   เรื่อง พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี    ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี