รายได้ที่ขาดหายไปจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะเดียวกันโรคภัยก็เข้ามารุมเร้า ทำให้สภาพร่างกายของคุณบุญธรรมวัย 62 ปี ยิ่งอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ทั้งที่เมื่อต้นปียังสามารถเดินทางมารับเงินสงเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง แต่ผ่านไปเพียงสองเดือน กลับไม่สามารถไปไหนมาไหนเองได้อีกเลย
เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ รถแท็กซี่ของคุณบุญธรรมจึงถูกจอดทิ้งไว้หน้าบ้านนานกว่าสองปี
คุณเกรียงไกร แก้วเกตุ ประธานสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย(ซ้าย) เดินทางไปเยี่ยมคุณบุญธรรมและประสานขอความช่วยเหลือมายังฉือจี้
คุณนวลจันทร์ ภรรยาของคุณบุญธรรม เล่าย้อนเหตุการณ์ความทุกข์ยากที่ผ่านมาของครอบครัวให้ฟังว่า “ตั้งแต่ ปี 2562 สามีก็เริ่มป่วย แล้วพอมีมีโควิดเข้ามา ร่างกายที่อ่อนแอของเขาจึงค่อนข้างเสี่ยงกับโรคภัย เลยขอให้หยุดออกไปขับรถ หลังจากนั้นหมอก็ตรวจพบโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่อง สุขภาพนับวันเลยยิ่งทรุดโทรมลงค่ะ”
มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย ดำเนินโครงการมอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จากการประสานงานของ “สมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย” ทำให้ขยายความช่วยเหลือไปยังพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ด้วยการมอบถุงยังชีพเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 ขณะเดียวกัน ยังได้มอบเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉิน ให้แก่คุณบุญธรรม ซึ่งเจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัวได้มาเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว
มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย มอบเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉิน ให้แก่คุณบุญธรรม
เมื่อเห็นสิ่งของภายในถุงยังชีพ ที่จิตอาสาฉือจี้มอบให้ นอกจากข้าวสารอาหารแห้งที่ช่วยเหลือครอบครัวให้ไม่ต้องกังวลกับความหิวโหยได้นานนับเดือนแล้ว สิ่งที่ “น้องโบ” หลานสาววัย 10 ขวบ ดูจะถูกใจมากที่สุด ก็คงจะเป็น น้ำผลไม้กับขนมข้าวอบกรอบ เพราะภาระค่าใช้จ่ายที่รัดตัว ทำให้สิ่งของธรรมดาสำหรับเด็ก ทั่วไปเหล่านี้ กลายเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับเด็กหญิงตัวน้อย
รถแท็กซี่ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จอดทิ้งไว้อยู่หน้าบ้านมานานนับปี ภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต และค่ารักษาอันแสนหนักอึ้ง ล้วนตกลงบนบ่าของคุณนวลจันทร์ผู้เป็นภรรยา ที่ทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้าน แต่เพียงผู้เดียว บ้านหลังเดิมที่อยู่ก็ผุพังและกำลังจะถูกรื้อถอน ประกอบกับเพื่อสุขอนามัยในการพักรักษาตัวของสามี คุณนวลจันทร์จึงต้องรีบพาคุณบุญธรรม และหลานสาววัย 10 ขวบ ย้ายไปหาห้องเช่าอยู่
ปลายเดือนมกราคม จิตอาสาฉือจี้เป็นตัวแทนนำเงินช่วยเหลือฉุกเฉินไปมอบให้กับคุณบุญธรรม เพื่อช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปพบหมอตามนัด หรือตามจำเป็นเมื่ออาการทรุดหนัก รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการมัดจำห้องเช่า
จิตอาสาฉือจี้ เดินทางไปเยี่ยมเยียนคุณบุญธรรมที่บ้าน เพื่อสำรวจการให้ความช่วยเหลือระยะยาว
จิตอาสาฉือจี้ สอบถามสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของคุณบุญธรรม
คุณสุกัญญา ริมพนาเวศ ประธานบริหารมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย มอบเงินสงเคราะห์ให้คุณบุญธรรมและครอบครัว
ต่อมาในเดือนมีนาคม เมื่อจิตอาสาฉือจี้เดินทางไปมอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ขับรถแท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง จึงได้แวะไปเยี่ยมเยียนดูแลคุณบุญธรรมและครอบครัวที่บ้าน พร้อมทั้งตกลงรับเป็นเคสที่จะให้การดูแลระยะยาวต่อเนื่องทุกเดือนต่อไป
คุณนวลจันทร์ ภรรยาคุณบุญธรรม กล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า “ขอบคุณมูลนิธิและทุกคนเป็นอย่างมากค่ะ ที่มาให้ความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือตรงนี้เป็นกำลังใจสำคัญจริงๆ เพราะทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว”
แต่ใครจะไปคาดคิดว่า การบอกลาครั้งนั้น จะเป็นการจากลากันตลอดไป เพราะเพียงแค่สองสัปดาห์ต่อมา คุณบุญธรรมก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน จิตอาสาดูแลเคียงข้าง จนถึงวาระสุดท้าย ด้วยการมอบเงินช่วยเหลือฌาปนกิจ แบ่งเบาภาระของครอบครัวที่ยังอยู่ข้างหลัง
เมื่อถึงวาระสุดท้ายของคุณบุญธรรม จิตอาสาฉือจี้ยังคงดูแลอยู่เคียงข้าง ด้วยการมอบเงินช่วยเหลือฌาปนกิจ
เรื่อง บุษรา สมบัติ
ภาพ ราตรี ญาติมาก สมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี