แท็กซี่หลากสีตั้งแถวยาวเหยียดเต็มพื้นที่ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย ดำเนินการมอบข้าวสารและถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด หลังจากรับสิ่งของแล้ว หลายคนยังนำกระปุกออมบุญกลับมาร่วมบริจาค สืบทอดวัฏจักรแห่งความดี ตอบแทนสังคมด้วยความรัก
เป็นผู้ให้ ใจแบ่งปัน
หลังโควิดระบาด ตลอดสองปีที่ผ่านมา ภาพเหล่านี้มักปรากฎขึ้นในสำนักงานฉือจี้ สำหรับผู้ที่นำรถแท็กซี่เข้ามา จิตอาสาฉือจี้ไม่เพียงมอบข้าวสาร แต่ยังติดวาทะจิ้งซือ เแบ่งปันธรรมะระหว่างขับรถทำมาหากินบนท้องถนนและตามตรอกซอกซอย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่พบเห็น
คุณสมพงษ์ วัฒนาวาริ ผู้ขับแท็กซี่ ได้เห็นแล้วว่าฉือจี้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคมอย่างแท้จริง จึงยินดีร่วมเป็นสะพานบุญเคลื่อนที่ ติดกระปุกออมบุญในแท็กซี่ เมื่อเต็มก็จะนำมารวบรวมไว้ในกระปุกอันใหญ่ เพื่อรอเวลานำกลับมาบริจาคกับฉือจี้ เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป "ในช่วงโควิดยอมรับว่าพวกเราชาวแท็กซี่ลำบากมาก แต่ก็มีมูลนิธิฉือจี้ที่คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เรามาตลอด ตอนนี้ถึงแม้ผมจะเป็นกำลังแค่ส่วนหนึ่ง แต่ผมก็รู้สึกยินดีและอยากจะร่วมช่วยเหลือและตอบแทนสังคมต่อไปครับ"
ผู้ขับแท็กซี่ทยอยเดินทางเข้ารับข้าวสารและถุงยังชีพด้วยวิธีไดร์ฟทรู เพื่อเว้นระยะห่าง ป้องกันการแพร่เชื้อโรค
คุณสมพงษ์ วัฒนาวาริ ผู้ขับแท็กซี่ ร่วมออมบุญผ่านกระปุกไม้ไผ่ เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม
เป็นที่พึ่ง ทันท่วงที
ในระหว่างที่ชีวิตกำลังรู้สึกหมดหวัง ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร คุณกำพลวัย 70 ปี หนึ่งในผู้ขับแท็กซี่ซึ่งกำลังดูแลภรรยา คู่ทุกข์คู่ยากที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล และต้องการเครื่องผลิตออกซิเจนอย่างเร่งด่วน เพราะเงินเก็บที่หามาทั้งชีวิตหมดไปกับค่ารักษา ราคาของเครื่องก็เกินความสามารถจะหาซื้อมาได้ ต่อมาด้วยคำแนะนำของเพื่อนร่วมอาชีพ ในที่สุดคุณกำพลจึงลองติดต่อขอยืมมายังคลินิกเวชกรรมพุทธฉือจี้ เมื่อรับทราบเรื่องจิตอาสารีบดำเนินการจัดส่ง พร้อมไปสาธิตวิธีการใช้ให้ด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นภรรยาสามารถหายใจได้คล่องขึ้น คุณกำพลจึงบอกเล่าความรู้สึกด้วยความตื้นตันว่า “ก่อนหน้านี้ลูกสาวจะซื้อออกซิเจนกระป๋องมา เอามาฉีดแต่เหมือนแรงกระตุ้นจะไม่ค่อยพอ เราพยายามพึ่งพาตัวเองทุกอย่างแล้ว จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากฉือจี้ ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากเลยครับ”
แม้สุดท้ายแล้ว อาการป่วยของภรรยาจะกลับมาทรุดลงและจากโลกนี้ไปในที่สุด แต่อย่างน้อยทุกคนในครอบครัว ก็ได้รู้สึกอุ่นใจว่าได้ให้การดูแลอย่างดีที่สุดเต็มความสามารถแล้ว แม้ทุกคนจะอาลัยอาวรณ์ แต่ขอร่วมอวยพรให้ดวงวิญญาณภรรยาของคุณกำพลไปสู่สุคติในสัมปรายภพดังที่ปรารถนา
จิตอาสาฉือจี้เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องผลิตออกซิเจน
จิตอาสาฉือจี้รีบดำเนินการนำเครื่องผลิตออกซิเจนไปมอบให้ครอบครัวคุณกำพล
อยู่เคียงข้าง ผ่านมรสุมชีวิต
เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้คุณขวัญยี่หวาซึ่งมีอาชีพขับรถแท็กซี่ขาหัก ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ จิตอาสาฉือจี้จึงเดินทางมาเยี่ยมถึงบ้าน พร้อมทั้งมอบเงินสงเคราะห์ฉุกเฉิน เพื่อช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนระหว่างที่ยังไม่สามารถทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้ จึงต้องพึ่งพาสามีวัย 74 ปี เพียงลำพัง ทำให้คุณขวัญยี่หวารู้สึกว่า ในยามที่เดือดร้อน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ผู้คนในสังคม ก็ยังพร้อมจะเป็นกำลังใจยื่นมือให้ความช่วยเหลือ เพื่อก้าวข้ามความยากลำบากนี้ไป
หลายเดือนผ่านไป อาการค่อยๆ ทุเลาขึ้น จากต้องใช้วอล์กเกอร์ช่วยประคองเดิน ตอนนี้คุณขวัญยี่หวาสามารถเดินช้าๆ โดยใช้ไม้เท้าช่วยค้ำได้แล้ว แต่ยังคงต้องเดินทางไปพบหมอและทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถกลับมาขับแท็กซี่ทำมาหากินได้ตามเดิม
เมื่อจิตอาสาฉือจี้เดินทางมาเยี่ยม คุณขวัญยี่หวาจึงบริจาควอล์กเกอร์ที่ตนเองเคยใช้ให้ โดยหวังว่าจะสามารถประคับประคองคนที่ประสบมรสุมแบบเดียวกัน ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ทุกข์ยากนี้ไปได้
คุณขวัญยี่หวากล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและกำลังใจ ทำให้เรามีความหวังต่อสู้กับมรสุมอีกหลายอย่างในชีวิตต่อไปค่ะ”
จิตอาสาฉือจี้ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจคุณขวัญยี่หวา
คุณขวัญยี่หวาบริจาควอล์กเกอร์ให้ฉือจี้นำไปช่วยเหลือผู้ที่ต้องการใช้ต่อไป
ดูแลห่วงใย ดังครอบครัวเดียวกัน
จากการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ทำให้จิตอาสาฉือจี้กลายเป็นพันธมิตรกับบรรดาผู้ขับแท็กซี่ และมักจะออกไปเยี่ยมบ้านให้การดูแลอยู่เสมอ สำหรับคุณประเสริฐ ซึ่งนอกจากต้องเลี้ยงดูหลานๆ แล้ว ก็ยังรับคุณอาวัย 80 กว่ามาอยู่ด้วย จิตอาสาฉือจี้จึงมอบผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพด้วยความห่วงใย
จิตอาสาฉือจี้ ลิซ่า หวง บอกเล่าถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อครอบครัวผู้ขับแท็กซี่ว่า “วันนี้เราขอให้คุณประเสริฐ เข้ามารับครีมทาผิวกับยาทาบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่เราจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อดูว่าจะสามารถช่วยให้อาการของคุณยายดีขึ้นได้หรือเปล่าค่ะ”
ในขณะที่รับการดูแล คุณประเสริฐก็ร่วมเป็นผู้ให้อย่างกระตือรือร้น ผ่านการเก็บออมในกระปุกออมบุญ โดยบอกเล่าความรู้สึกของตนเองว่า “ผมคิดว่าเงิน 50 สตางค์ หรือ 1 บาทของเราทุกคน เมื่อนำมารวมกันเข้า ก็จะสามารถส่งต่อความช่วยเหลือให้คนอื่นที่เขาตกทุกข์ได้ยากยิ่งกว่าเราต่อไปได้มากยิ่งขึ้นครับ”
จิตอาสาฉือจี้เดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัวคุณประเสริฐ พร้อมให้กำลังใจกับคุณอา
จิตอาสาฉือจี้มอบเงินสงเคราะห์ฉุกเฉิน ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยและครีมทาผิว เพื่อช่วยดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวคุณประเสริฐ
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงกันยายน 2565 มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย ได้มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ขับขี่แท็กซี่ไปแล้วเกือบ 8,500 ครอบครัว แม้จะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่เชื่อมั่นว่ามิตรภาพระหว่างจิตอาสาฉือจี้กับผู้ขับแท็กซี่ ที่จะทำความดีดูแลผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคมจะไม่มีวันจางหาย
เรื่อง บุษรา สมบัติ ภาพ พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี, สิงหราช ชวนชม, รัตนโชติ ประมวลทรัพย์