ความรัก คือ การเคารพให้เกียรติกัน ไม่เพียงแค่กับคน แต่เรายังต้องรักสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย ในระบบนิเวศธรรมชาติ ล้วนมีสายใยของครอบครัว เราต่างรู้ดีว่า ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่มีสัญชาตญาณของความเป็นแม่ แต่สรรพสัตว์ต่างๆ แม้แต่เสือที่ดุร้าย เมื่อออกลูกก็ยังมีความรักของแม่ นี่เป็นสายใยของครอบครัว ที่ไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์เลย
ดังนั้นความรักของเรา จึงต้องเผื่อแผ่ไปถึงสรรพสัตว์เหล่านั้นด้วย เพราะเราต่างก็อยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน เราอยากให้สภาพแวดล้อมในชีวิตของตนเองเป็นเช่นไร เราก็ต้องดูแลสภาพแวดล้อมในชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เป็นเช่นนั้นด้วย นี่จึงจะเรียกว่า “ความรัก”
รูปโดย ศุภักษร ธิกา
ตะพาบน้ำทดแทนคุณ
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ชอบกินเนื้อตะพาบน้ำมาก วันหนึ่งพวกเขาซื้อตะพาบน้ำตัวโตกลับมาบ้าน และสั่งให้คนใช้ฆ่าเจ้าตะพาบน้ำตัวนี้เสีย เพื่อปรุงเป็นมื้อเที่ยงอันเลิศรส คนใช้เห็นตะพาบน้ำผงกหัวขึ้น ตาสองข้างเป็นประกาย ขาทั้งสี่ตะเกียกตะกายไม่ยอมหยุด จึงเกิดความสงสาร ก่อนจะฉวยโอกาสที่นายออกไปทำธุระข้างนอก นำเจ้าตะพาบน้ำตัวนี้ออกไปปล่อยลงสระน้ำ
เมื่อนายทั้งสองกลับมา ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี จึงถามว่า “ทำไมไม่มีเนื้อตะพาบขึ้นโต๊ะ” คนใช้ในครัวตอบว่า “เมื่อสักครู่ ข้าไม่ทันระวัง มันจึงหนีไปได้ หาเท่าไรก็ไม่เจอค่ะ” นายจึงโกรธมาก นำแส้ออกมาเฆี่ยนตีทำโทษคนใช้ ทำให้ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
หลายวันต่อมา คนใช้ผู้นี้เกิดมีไข้ขึ้นสูง หายใจอ่อนระทวย นายจึงสั่งให้คนงาน หามเธอออกไปทิ้งไว้ที่ศาลาริมน้ำ เพื่อรอวันตาย ตกดึกคืนนั้น มีตัวอะไรบางอย่าง คลานขึ้นมาจากสระน้ำ เหมือนจะคาบเอาดินโคลน ขึ้นมาถูจนทั่วตัว ใบหน้าและศีรษะของคนใช้ ทำให้เธอรู้สึกเย็นสบาย จนค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัว และฟื้นจากไข้
รุ่งขึ้น นายให้คนออกมาดูว่า เธอตายรึยัง แต่กลับพบว่า กำลังวังชาของเธอฟื้นคืนกลับมาดังเดิม นายจึงถามเธอว่า “เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอใกล้จะตายแล้ว ทำไมอาการถึงทุเลาและฟื้นกลับมาเป็นปกติได้”
คนใช้ตอบว่า “ข้าก็ไม่ทราบ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อคืน มีตัวอะไรไม่รู้ ขึ้นมาจากสระน้ำ คาบเอาดินหรืออะไรสักอย่างมาถูจนทั่วตัว ข้ารู้สึกเย็นสบาย ก็เลยฟื้นขึ้นมา” นายฟังแล้วก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
ครั้นเมื่อตกดึก สองสามีภรรยาคู่นี้ ได้ออกมาแอบอยู่ข้างๆ ศาลาริมน้ำ จึงเห็นตะพาบน้ำตัวโตและจำได้ว่าเป็นตัวที่ซื้อมาจากตลาด ดูเหมือนว่าตะพาบน้ำกำลังคาบอะไรบางอย่างไว้ และถูไปที่หัว หน้า คอ ของคนใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้จะเป็นสัตว์ แต่เมื่อได้รับความช่วยเหลือ ก็ยังรู้จักสำนึกและตอบแทนคุณ แท้จริงแล้ว สรรพสัตว์ล้วนมีจิตวิญญาณ นับจากนั้นเป็นต้นมา สองสามีภรรยาคู่นี้ จึงไม่กล้ากินตะพาบน้ำ หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ อีกเลย
ในสังคมสมัยก่อน มักจะได้ยินเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์ที่มีจิตวิญญาณ เมื่อผู้คนต่างเชื่อถือ จึงมีการสนับสนุนให้เกิดการทำบุญปล่อยสัตว์ขึ้น ในพุทธศาสนา พระมหาเถระเหลียนฉือเอง ก็ส่งเสริมให้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จึงมีเรื่องเล่าต่างๆ มากมาย ที่เราต่างก็เคยได้ยินได้ฟังมาจนถึงปัจจุบัน
แท้จริงแล้ว ผู้ที่เป็นคนรับใช้ เมื่อนายซื้อสัตว์เป็นๆ มา ให้ฆ่าเพื่อทำเป็นอาหาร ก็ต้องทำตามคำสั่ง แต่นั่นก็เป็นหนึ่งชีวิต จึงตัดใจฆ่าสัตว์เหล่านั้นไม่ลง ดังเช่นคนใช้ในครัวผู้นี้ ที่ถูกว่าจ้างให้มาเป็นแม่ครัวทำอาหาร นายซื้อมา เธอจะไม่ฆ่าก็ไม่ได้ แต่ใจก็ทำไม่ลง ขณะเดียวกันก็ยังมีคนที่เจ้าอารมณ์ เห็นสัตว์ต่างๆ แล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจ จึงฆ่าทิ้ง โทสะเช่นนี้เป็นบาปหนัก หากสามารถปลุกกุศลจิตให้เกิดขึ้นได้ แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาไม่น้อย เพราะได้รับคำสั่งมาอย่างนั้น แต่เมื่อจิตใจของเธอเกิดความเมตตาขึ้น จึงปล่อยตะพาบน้ำตัวนั้นไป คุณดูสิ มันก็ยังกลับมาทดแทนบุญคุณ
ดีชั่วต้องแยกแยะให้ชัดเจน ฆ่าไปมากเท่าไร ก็เท่ากับก่อกรรมไปเท่านั้น สร้างบุญคุณไปมากเท่าไร ก็จะได้รับการทดแทนมากเท่านั้น ดีชั่วคละกันไป แต่ก็ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ดังนั้นเราจึงต้องบ่มเพาะเมตตาจิตอยู่เสมอ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จิตสำนึกนี้สำคัญมาก เพราะปัญญาญาณของเรานั้น เกิดขึ้นจากความรัก
“ความรัก” นี้ หมายถึง การรักคน รักสัตว์ ในขณะเดียวกันก็ได้ทะนุถนอมปัญญาญาณของเรา เมื่อไรที่เราสามารถคิดได้ว่า ทุกชีวิตล้วนสำคัญเหมือนชีวิตของเราเอง เมื่อนั้นเราจึงจะรู้จักทะนุถนอมมัน
ดังนั้น การศึกษาธรรมะ คือต้องรู้จักทะนุถนอมตนเอง รู้จักรักษาเมตตาจิตของเรา เราจึงจะสามารถดูแลเหล่าสรรพสัตว์ได้ เราจึงจะรู้จักเคารพให้เกียรติ ทุกชีวิตบนโลกนี้ ขอให้จงตั้งใจบำเพ็ญตนอยู่เสมอ