ทุกคนต่างก็รู้ว่า “จิตใจ พระพุทธ และสรรพชีวิต” ล้วนเท่าเทียมกัน ความบริสุทธิ์ผ่องแผ้วนี้ พระพุทธองค์ก็ไม่ได้มีมากไปกว่าเรา เราปุถุชนก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าพระพุทธองค์
ความตื่นรู้อันบริสุทธิ์นี้ล้วนเท่าเทียมกันทั้งสิ้น เพียงแต่พระพุทธองค์ทรงมีความตั้งใจ และได้ตั้งมหาปณิธานไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งพุทธจิตไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือสั่นคลอน ทว่าจิตใจของปุถุชนกลับขึ้นๆ ลงๆ บ้างก็ตั้งใจ บ้างก็ถอดใจ นี่คือปุถุชน จนทำให้ยังยืนอยู่ ณ จุดเดิม ไม่มีวันได้ก้าวไปข้างหน้า
คุณลักษณะอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้วนี้ เดิมทุกคนต่างก็มีกันอยู่แล้ว เมื่อเราต่างก็ค้นพบ ต่างก็เข้าใจแล้วว่าทำบาปไม่ได้ แต่นิสัยความเคยชินก็ยากที่จะเปลี่ยน นี่คือปุถุชน ที่ไม่สามารถเปิดใจของตนเองให้กว้างครอบคลุมจนทั่วจักรวาล เอาแต่จำกัดอยู่ที่ตนเอง คิดไปว่าลำพังกำลังของตน แค่ดูแลตัวเองให้ดี ดูแลครอบครัวตนเองให้ดี ดูแลขอบเขตของตนเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว นี่ถือเป็นการดูแคลนตนเอง เมื่อตนเองมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ย่อมไม่สามารถระเบิดพลังออกมาได้
รูปโดย พิณญ์ธิชา จันทร์สุขศรี
วัวเขาเดียว
วัวของชาวนาผู้หนึ่งได้ออกลูกมา โดยมีเขาข้างเดียวมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากชาวนารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงไม่เพียงไม่ละทิ้งเจ้าวัวน้อยตัวนี้ แต่กลับให้การเลี้ยงดูและทะนุถนอมด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีทุกวัน ลูกวัวตัวน้อยจึงค่อยๆ เติบใหญ่ ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกคุณชาวนา ที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี
วันหนึ่ง มีชายเลี้ยงวัวจากอีกหมู่บ้าน เดินทางผ่านมายังหมู่บ้านนี้ พร้อมกับป่าวประกาศว่า “ข้ามีวัวที่มีพละกำลังมหาศาล สามารถลากเกวียนได้ครั้งละ 100 คัน หากมีวัวตัวไหนอยากท้าแข่ง ข้ายินดีเดิมพันด้วยเงิน 1,000 ตำลึงทอง”
เมื่อวัวเขาเดียวได้ยิน จึงคิดว่า “ข้าควรช่วยเจ้าของชนะเงินเดิมพันก้อนนี้” มันจึงบอกกับเจ้าของว่า “ให้ข้าเข้าแข่งเถิด” ชาวนาซึ่งมีความเชื่อมั่นในวัวของตัวเองอยู่แล้ว จึงเข้าไปบอกกับชายผู้นั้นว่า ขอร่วมเดิมพันด้วย พร้อมทั้งนัดวันเวลาและสถานที่
เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้คนจากทั้งสองหมู่บ้านต่างก็มารวมตัวกัน เจ้าของวัวฝ่ายตรงข้ามก็พูดขึ้นว่า “วัวตัวนี้ของข้ามีพละกำลังมหาศาล อึดใจเดียวก็สามารถลากเกวียนทั้งร้อยคันได้” เจ้าของวัวเขาเดียวก็พูดต่อว่า “วัวของข้าตัวนี้ มีเขาข้างเดียวตั้งแต่เกิด” เมื่อวัวเขาเดียวได้ยินดังนั้น จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จนกระทั่งสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเองไป
เมื่อถึงเวลาแข่งขัน แค่วัวคู่แข่งออกแรงเพียงเล็กน้อย เกวียนทั้งร้อยคันที่ผูกเชื่อมกันไว้ก็ขยับ ทว่าวัวเขาเดียวกลับไม่สามารถลากเกวียนให้ขยับได้เลยแม้เพียงครึ่งก้าว ดังนั้น เจ้าของจึงต้องสูญเสียเงินเดิมพันไปถึง 1,000 ตำลึงทอง
เจ้าของจึงเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง วัวเขาเดียวจึงได้พูดขึ้นว่า “นายท่าน เดิมทีข้ามีความมั่นใจ แต่เพราะคำพูดประโยคเดียวของท่าน ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดังนั้น ข้าจึงไม่มีแรงฮึดเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า ขอให้ท่านช่วยไปนัดหมายกับเขาอีกครั้งได้ไหม ครั้งนี้ข้าจะชนะเงินเดิมพันมาให้ท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าก่อนเริ่มแข่ง ขอให้ท่านช่วยกล่าวชื่นชมข้าสัก 2-3 ประโยค” เมื่อเจ้าของได้ยินดังนั้น ก็เกิดความเชื่อมั่นจึงไปท้าแข่งอีกครั้งว่า “เดิมพันครั้งนี้ของเรา คือ 2,000 ตำลึงทอง”
เมื่อถึงเวลาแข่งนัดล้างตา ผู้คนจากทั้งสองหมู่บ้านก็เข้ามาห้อมล้อมอีกครั้ง เจ้าของวัวเขาเดียวจึงแนะนำมันด้วยข้อดีต่างๆ นานา ด้วยการให้กำลังใจนี้เอง ทำให้วัวเขาเดียวเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา คู่แข่งลากเกวียน 100 คัน วัวเขาเดียวกลับลากได้ถึง 102 คัน ตอนที่เริ่มลาก ฝีเท้าของวัวเขาเดียวยังเร็วกว่าคู่แข่งอีกด้วย จนชนะเงินเดิมพัน 2,000 ตำลึงทองมาให้เจ้าของจนได้
จากเรื่องเล่านี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่า เราทุกคนล้วนมีศักยภาพที่แฝงอยู่ ขอเพียงมีความเชื่อมั่นก็ย่อมมีพลัง “จิตใจ พระพุทธองค์ และสรรพชีวิต” ทั้งสามสิ่งนี้ต่างก็เท่าเทียมกัน เราจึงต้องเตือนและให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอ
เจ้าชายสิทธัตถะ สามารถบำเพ็ญตนจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ พวกเรากับพระพุทธองค์ กับเจ้าชายสิทธัตถะ ต่างก็มีพุทธธาตุเท่าเทียมกัน เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะสามารถสำเร็จได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ดังนั้น จึงขอให้เราทุกคนมีความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรแสดงพลังของเราออกมา ดังเช่นวัวเขาเดียว ทั้งๆ ที่มันมีพละกำลังเหมือนเดิม เพียงแต่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จนหมดความเชื่อมั่นในตนเอง ในเมื่อพละกำลังของวัวก็ยังเหมือนเดิม ใยจึงต้องไปใส่ใจกับปัญหาเขาข้างเดียวด้วย น้ำที่ดื่มก็เหมือนเดิม อาหารที่กินก็เหมือนเดิม แต่เพราะสูญเสียความมั่นใจ จึงสูญเสียพละกำลังไป ด้วยหลักการเดียวกัน จึงขอให้ทุกคนมีความตั้งใจตลอดเวลา